รีวิวภาพยนต์ Cloud (2020) อย่ารอให้ถึงพรุ่งนี้ อยู่เพื่อวันนี้

แนะนำภาพยนต์  Cloud (2020) เป็นภาพยนตร์แนวมิวสิคัลดราม่าเกี่ยวกับชีวประวัติของอเมริกาปี 2020 กำกับและอำนวยการสร้างโดย Justin Baldoni และเขียนบทโดย Kara Holden สร้างจากเหตุการณ์ชีวิตจริงของซัค ( Zach Zobiech ) ผู้เขียนเพลง Clouds หนังที่ต้องการถ่ายทอดความเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนที่ท้อแท้และผิดหวังให้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ นอกจากนี้ตัวซัคหรือแซคได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งและต้องผ่านการให้คีโม เขาจึงน่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่นาน ดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจสร้างเพลงและดนตรีที่น่าจดจำร่วมกับกลุ่มเพื่อนของเขา

เรื่องราวแซค โซบิช นักดนตรีหนุ่มพบว่ามะเร็งของเขาแพร่กระจายไปแล้ว ทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน ด้วยเวลาอันจำกัด เขาเดินตามความฝันและสร้างอัลบั้ม โดยไม่รู้ว่าอีกไม่นานจะกลายเป็นปรากฏการณ์ทางดนตรีแบบไวรัลในช่วงต้นของCloudsแซค โซบิช (ฟิน อาร์กัส) เอาชนะความกังวลใจที่เกิดจากทั้งโรงเรียนมัธยมปลาย ความอึดอัดใจในสังคม และการต่อสู้กับโรคกระดูกพรุนอย่างต่อเนื่องเพื่อขอเอมี่ (แมดิสัน ไอส์แมน) ที่แอบชอบมานานของเขาออกเดท เธอตอบตกลงและพวกเขาวางแผนปิกนิก ในเช้าของวันสำคัญนั้น แซคเริ่มกระอักกระอักกระอ่วนขณะรับประทานอาหารเช้า ซึ่งทำให้ลอร่าแม่ของเขากังวลมาก (ที่จริงแล้วเขียนหนังสือเกี่ยวกับลูกชายของเธอว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีพื้นฐานมาจาก และรับบทโดยนีฟ แคมป์เบลล์) ที่สิ้นเปลือง ไม่มีเวลาพาเขาไปโรงพยาบาล ซึ่งในนั้นปอดของเขามีอันตรายมาก เขาจึงถูกนำตัวเข้ารับการผ่าตัดโดยไม่มีโอกาสแจ้งเอมี่ ทำให้เธอเชื่อว่าเธอยืนขึ้นได้ชั่วคราว นั่นเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนแซคอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตามเป็นภาพยนตร์ที่ค่อนข้างยุ่งเหยิง ซึ่งมักจะคล้ายกับการทรมานที่แซคกำลังเผชิญความตายอยู่ ที่สำคัญกว่านั้น Justin Baldoni ตระหนักดีว่าจะไม่สร้างรักสามเส้าที่เป็นพิษหรือคำนึงถึงผลกระทบของโรค แม้ว่าClouds จะมาถึงบทสรุปที่ทำลายล้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ยังกังวลเกี่ยวกับการค้นหาความสุขที่สร้างแรงบันดาลใจในขณะที่จ้องมองความตายต่อหน้า เป็นเรื่องราวที่น่าสะอิดสะเอียน แต่ที่ที่Cloudsดำเนินไปอย่างถูกต้องจะทำให้ผู้ชมได้ต่อสู้และใช้ชีวิตอย่างเท่าเทียมกันกับบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญเพื่อนำเอา Schmaltz ทั้งหมด

👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่

รีวิว Takizawa Kabuki ZERO (2020) The Movie ฮิเดอากิ ทากิซาวะ ผู้โด่งดัง

แนะนำหนัง  Takizawa Kabuki ZERO (2020) The Movie  เป็นผลงานการผลิตคาบูกิของฮิเดอากิ ทากิซาว่า ที่นำแสดงโดย Snow Man ไอดอลเจ-ป็อป แต่เปิดตัวในรูปแบบภาพยนตร์แทนที่จะเป็นการแสดงละครสด Kabuki เป็นละครพื้นบ้านของญี่ปุ่นที่มีการร้องและเต้น โดยมีการแสดงที่เก๋ไก๋และเครื่องแต่งกายที่มีเสน่ห์ อย่างไรก็ตาม Takizawa Kabuki ใช้สัมผัสที่ทันสมัยกว่า เพิ่มองค์ประกอบวัฒนธรรมป๊อปมากขึ้น

โดยเรื่องราวของเหล่าซูเปอร์สตาร์ไอดอลขั้นเทพที่ฮอตฮิตที่สุด ฮิเดอากิ ทากิซาวะ ผู้โด่งดัง ร่วมถึงการแสดงออกถึงโลกทัศน์ที่เท่และมีสไตล์ ทั้งการนำเสนอสมาชิกทั้งเก้าคนของ Snow Man อย่างสง่างาม ฉายแววเสน่ห์แห่งความบันเทิงรูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่โรงภาพยนตร์หรือโรงละครล้วนๆ คงจะน่าประทับใจกว่านี้ถ้าดูสด มันถูกแสดงโดยไม่มีคนดู แม้ว่ามันจะจัดขึ้นที่โรงละครก็ตาม การแสดงบางรายการที่รองรับการแสดงสดมากกว่า ซึ่งมีการโต้ตอบของผู้ชมและบินผ่านสายไปยังผู้ชม ไม่สามารถทำซ้ำได้ด้วยเอฟเฟกต์เดียวกัน จึงถูกถอดออกจากภาพยนตร์ที่วางจำหน่าย แต่ด้วยสถานการณ์โรคระบาด นี่อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับ Takizawa ในการผลิตการแสดงคาบูกิประจำปีของเขา

นอกจากนี้ ฉากบางฉากยังถ่ายทำในช็อตเดียวเพื่อจำลองการดูซีเควนซ์แอ็กชันทั้งหมดแบบสด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Takizawa มีมาตรฐานสูงสำหรับการผลิตของเขา น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือ Takizawa ได้เกษียณจากไฟแก็ซ และไม่ได้ปรากฏตัวพิเศษในรายการด้วยซ้ำ ตอนนี้เขากำลังยุ่งอยู่กับการทำงานหลังเวที โดยทำหน้าที่ของเขาในฐานะประธานของ Johnny's Island แผนกย่อยของ Johnny & Associates และรองประธานของ Johnny & Associates

👉👉   นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

รีวิว Shigatsu wa Kimi no Uso เพลงรักสองหัวใจ

แนะนำซีรี่ย์เพลงดนตรี เราอยากให้คุณเปิดใจให้กับ  Shigatsu wa Kimi no Uso เพลงรักสองหัวใจ  แล้วคุณอาจจะรู้สึกว่า ตัวเองพลาดสิ่งที่สวยงามแบบนี้ไปได้ยังไง มันอาจจะฟังดูเกินจริง แต่เราอยากให้คุณได้ลองมาสัมผัส และหัวใจพองโตไปกับอนิเมะเรื่องนี้สักครั้ง  หลังจากแม่เขาเสียชีวิต นักเปียโนอัจฉริยะก็หมดไฟในการเล่นดนตรี แต่การได้พบกันนักไวโอลินสาวอารมณ์ดีกลับพลิกชีวิตของเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือ

โดยเรื่องราวเกี่ยวกับ นักเปียโนหนุ่มน้อยอัจฉริยะ อาริมะ โคเซ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก การสูญเสียแม่ และประสบการณ์เลวร้ายบางอย่าง ทำให้เขาหายไปจากวงการแข่งขันเปียโนไปหลายปี เพราะเกิดอาการไม่ได้ยินเสียงเพลงของตนเองในขณะที่เล่นเปียโน (น่าจะได้แนวทางมาจาก บีโธเฟน นักดนตรีคลาสสิกชื่อก้องของโลกที่มีอาการหูหนวก) แต่แล้วชีวิตของโคเซ ทั้งในฐานะนักดนตรี และวัยรุ่น ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง เมื่อเขาได้พบกับ มิยาโซโนะ คาโอริ เด็กสาวนักไวโอลิน ที่แนะนำตัวว่าชอบเพื่อนสนิทของเธอ และทำให้โคเซ มีตำแหน่งเป็นเพื่อนสนิท A พร้อมทั้งชักชวนให้เขามาเล่นดนตรีประสานพร้อมกับเธอด้วย นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว

สำหรับเรื่องนี้โดยจะพูดถึงกลุ่มคนที่รักในเสียงดนตรี ที่มุ่งมั่นทำตามความฝัน เรื่องราวที่แสนน่ารัก ปนความสนุก มีฉากฮาให้คุณได้ผ่อนคลาย อาจจะไม่ใช่ฉากฮาที่ถึงกับฮากร๊าก แต่ก็พอน่ารักทำให้เราได้ยิ้มตามไปกับเหล่าตัวละคร และเนื้อเรื่องที่จะทำให้คุณต้องซึ้งจนน้ำตาไหลอย่างไม่รู้ตัว

👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ  รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา ได้ที่นี่

รีวิว Rising Girl (สาวน้อยร้อยล้านวิว) นักร้องสาวที่ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความฝัน

แนะนำเพลงดนตรี  Rising Girl (สาวน้อยร้อยล้านวิว)    วารินรักษ์นักร้องสาวที่ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความฝันกลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืนหลังจากเพื่อนคนหนึ่งโพสต์คลิปของเธอในโลกออนไลน์จนทำให้บรรดาค่ายเพลงต่างพยายามดึงเธอมาเป็นศิลปินในสังกัด นักแสดงนำ:กฤษกร กนกธร,พรสรวง รวยรื่น,ภูศิลป์

โดยเรื่องราวการเดินตามความฝันของ หวานใจ(เซียงเซียง พรสรวง) เด็กสาวบ้านนาที่มีพรสวรรค์ในการร้องเพลง แต่ถูกแม่ของเธอกีดกันไม่อยากให้เป็นนักร้อง แต่แล้วจู่ๆเมื่อเพื่อนสนิทของหวานใจ แอบอัดคลิปที่เธอร้องเพลงลงยูทูป จนทำให้เธอกลายเป็นเน็ตไอดอลเพียงชั่วข้ามคืนและได้รับฉายา สาวน้อยร้อยล้านวิว ทำให้ค่ายเพลงต่างๆพากันแย่งตัวรวมทั้ง อนาวิล(ตงตง กฤษกร) นักปั้นศิลปินเพลงรุ่นใหม่ ที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ใช่คนขี้แพ้ เมื่อพ่อของเขาซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทค่ายเพลงลูกทุ่งยักษ์ใหญ่ ต้องการยุบสายการผลิตเพลงที่ขาดทุน 

อย่างไรก็ตาม งานนี้หวานใจและอนาวิลจะก้าวผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้อย่างไร และซีนดราม่านี่ต้องยกให้ข้าวทิพย์เลยแสดงดีมากอ่ะ ร้องไห้ทีไรทำเอาน้ำตาไหลทุกที ในละครมีนักร้องที่มีคุณภาพเยอะมากค่ะ พระเอกเราก็ ตงตง เดอะสตาร์ ที่ขาววววมากแม่ พระนางในเรื่องคือแข่งกันขาวจนแซ่บตาเลยค่ะ ที่สำคัญน้องเซียงเซียง​ ที่ขึ้นแท่นเป็นนางเอกเต็มตัว และต้องมาแสดงพูดภาษาอีสานน้องจะแสดงได้ดีแค่ไหนต้องไปหาติดตามดูกันค่ะ ได้ทั้งฟังเพลงและได้ดูการพูดภาษาอีสานน่ารักๆของนักแสดงกันด้วยค่ะ

 👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่

  

รีวิว A Cinderella Story: Christmas Wish (สาวน้อยซินเดอเรลล่า : คริสต์มาสปาฏิหาริย์)

แนะนำหนังแนวดนตรีและเพลง  A Cinderella Story : Christmas Wish   (สาวน้อยซินเดอเรลล่า : คริสต์มาสปาฏิหาริย์)   นักร้องผู้ทะเยอทะยานถูกขัดขวางบนเส้นทางสู่ความสำเร็จโดยแม่เลี้ยงและพี่เลี้ยงที่ชั่วร้ายสองคน เมื่อเธอเริ่มทำงานเพื่อช่วยให้ความฝันของเธอเป็นจริง เธอเริ่มตกหลุมรักซานต้าคนใหม่ที่หล่อเหลา

เรื่องราวของ แคเธอรีน "แคท" เด็คเกอร์ ( ลอร่า มาราโน ) เป็นเด็กสาววัยรุ่นที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักร้อง-นักแต่งเพลงที่ยอดเยี่ยม โชคร้ายหลังจากที่เจสันพ่อของเธอเสียชีวิต เธอถูกทิ้งให้อยู่ในความดูแลของ Deirdra (โยฮันนาห์ นิวมาร์ช) แม่เลี้ยงผู้ชั่วร้ายของเธอ และน้องสาวสองคนที่โหดร้ายและขี้ขลาดอย่างจอย (ลิลเลียน ดูเชต์-โรช) และเกรซ (ชาแนล เปโลโซ)  พวกเขาทำงานให้กับ Kat อย่างเต็มที่ในฐานะคนใช้ ควบคุมมรดกของเธอได้อย่างเต็มที่ และรับค่าจ้างจำนวนมากจากการทำงาน เป้าหมายของ Kat คือการหาเงินให้เพียงพอเพื่อย้ายออกจากบ้านและไล่ตามความฝันของเธอ

สำหรับเรื่องนี้จะมีความเป็น musical หน่อยๆ เพลงเพราะมากกกก เคมีพระเอกนางเอกดีมาก มีความตลกของแม่เลี้ยง พี่เลี้ยงนางเอกด้วย และเรื่องราวก็ Happy ending เหมือนอย่างนิทาน  10/10 อีกเรื่อง ให้คะแนนเพลงเพราะๆๆๆๆๆๆมากกก ถือว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนห้ามพลาดค่ะ

  👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนังใหม่ชนโรง ได้ที่นี่

รีวิว Do You Like Brahms? เพลงรัก ของนักดนตรี

แนะนำซีรี่ย์แนวเพลงและดนตรี  Do You Like Brahms? ขณะที่นักเรียนไวโอลินสาวพยายามปรับตัวอย่างทุลักทุเลหลังจากที่เริ่มต้นช้ากว่าใครเพื่อน เธอได้ตกหลุมรักหนุ่มนักเปียโนที่ประสบความสำเร็จแต่กลับมีชีวิตที่เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย

เรื่องราวความสัมพันธ์ มิตรภาพและความรักของพวกเขาเหล่านักดนตรีคลาสสิก ดำเนินไปพร้อมๆ กับการตามความฝันของ แชชงอา หญิงสาวผู้เรียนจบบริหารธุรกิจแล้วตักสินใจที่จะสอบเข้าเรียนอีกครั้งในสาขาดนตรีคลาสสิกที่พลาดหวังช้ำถึงสี่ปีกว่าที่เธอจะสอบผ่านได้รับคักเลือกเข้าไปเรียน เธอไม่ได้เก่ง แต่เธอขยันและไม่เคยทิ้งความฝัน เธอได้พบกับ พัคจุนยอง นักเปียโนระดับโลก ผู้มีชีวิตครอบครัวที่ยากลำบากในวัยเด็ก แต่เพราะความสูญเสียของครอบครัวหนึ่งและความเศร้าของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเปิดโอกาสให้จุนยองได้ก้าวเข้าสู้เส้นทางของนักเปียโนที่เติบโตมากับการตระเวนแข่งขันและคว้าชัยชนะจนได้เดินทางเปิดการแสดงในต่างประเทศตลอดหลายปี

สำหรับเรื่องนี้ยกให้เป็นซีรีส์ดนตรีที่ 1 ในใจ ทั้งที่ไม่ได้ทำตามสูตรของซีรีส์ดนตรีซึ่งเน้นการเแข่งขัน แต่เรื่องนี้เป็นแนวรักแบบ Hexagon Love หรือรักหกเส้า? จริงๆ มันคือรักสามเส้า 2 วงมาซ้อนกันสิ่งที่เชื่อว่าทำให้หลายคนเทเรื่องนี้ไปในช่วงแรกๆ คือความช้าของเนื้อเรื่อง แต่พอดูไปเรื่อยๆ คุณจะพบว่ามันไม่ธรรมดา แถมมีของอย่างแรงด้วย เนื่องจากการเน้นการนำเสนออารมณ์เบื้องลึก emotional มาเต็ม เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้สมาธิในการดู หรือชอบดูหนังแนวโรแมนติก น่าจะเหมาะ คุณจะรู้สึกฟินมากเพราะเหมือนได้ดูหนังยาวๆ ที่อินในอารมณ์ได้อย่างเต็มที่

 👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ที่นี่

รีวิว Fierce (2020) กู่ร้องให้ก้องรักวัยรุ่นหัวรั้นที่นำทางไปในโลกแห่งธุรกิจการแสดงที่โหดเหี้ยม

แนะนำหนังเพลงและดนตรี  Fierce กู่ร้องให้ก้องรัก  นักร้องสาวมากพรสวรรค์สร้างความฮือฮาในรายการประกวดความสามารถยอดนิยม แต่เป้าหมายที่แท้จริงของเธอคือการได้รับความรักจากพ่อซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน

เรื่องราวของนักร้องสาวที่ต้องการความรักจากพ่อของเธอ เธอจึงตัดสินใจไปประกวดรายการ "Voice of Poland" ความสามารถของเธอทำให้ได้รับความนิยมและเธอสร้างเสียงฮือฮาขึ้นในรายการได้เป็นอย่างมากเธอที่มีพรสวรรค์ในการแสดงความสามารถยอดนิยม แต่เป้าหมายที่แท้จริงของเธอคือการได้รับความรักจากพ่อของเธอ ทำให้พ่อของเธอยอมรับในตัวเธอ ซึ่งพ่อของเธอเป็นสมาชิกของคณะลูกขุนคณะกรรมการตัดสินรายการโชว์ประกวดความสามารถ และเขาก็สามารถเป็นผู้เข้ารอบสุดท้าย "Voice of Poland" Katarzyna Sawczuk 

สำหรับภาพยนต์เรื่องนี้ เรามองเห็นถึงการถ่ายทอดความพยายามและความรู้สึกต้องการความรักจากครอบครัว เธออาศัยอยู่กับแม่เพราะพ่อของเธอเป็นคนดังและทิ้งแม่ของเธอ เธอจึงพยายามจะชนะพ่อด้วยการไปประกวด  แม่เธอค่อยเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆเธอตลอด เธอทำทุกอย่างเพื่อชนะใจพ่อของเธอให้ได้ และที่สำคัญนางเอกของเรื่องร้องเพลงเพราะมากค่ะ ไปติดตามให้ให้กำลังใจให้เธอชนะใจพ่อของเธอให้ได้นะ

👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ที่นี่

รีวิว Soundtrack (ดนตรี รัก จังหวะ ชีวิต) โชคชะตาของคุณกำลังจะเปลี่ยนไป

แนะนำหนังแนวมิวสิคัล Soundtrack ดนตรี รัก จังหวะ ชีวิต ซีรีส์รวมทีมงานที่เกี่ยวข้องกับหนังเพลงในอดีตจนถึงปัจจุบัน มาสร้างเป็นเรื่องเล่าความรักในแบบที่ไม่เหมือนใคร ระหว่างความฝันกับชีวิตจริงๆ ของศิลปินที่มีความสามารถ แต่ไม่อาจจะประสบความสำเร็จได้ในชีวิตจริง ความรัก การสูญเสีย และโชคชะตาที่อาจเปลี่ยนชีวิตมาบรรจบกันในเรื่องราวดราม่าผสานบทเพลงหลากรสของสองศิลปินผู้ยังต้องดิ้นรนไปตามทำนองชีวิตในเอลเอ

โดยเรื่องราวของหนุ่มสาวผู้มีความฝันในทางศิลป์ การเล่นดนตรี แต่งเพลง วาดภาพ แต่งนิยาย การเต้น มาเจอกัน โดยที่แต่ละคนทิ้งความฝันเหล่านั้นไปแล้วด้วยสาเหตุต่างๆ กัน“แซม” หนุ่มผิวดำที่มีความสามารถทางเปียโน ได้เรียนมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าด้านดนตรี แต่ทิ้งการเรียนออกมาแต่งเพลงตามฝัน ก่อนที่จะกลายเป็นพ่อหม้ายลูกติดที่มีภาระหนักในชีวิตจนไม่อาจสานฝันต่อได้ แต่มาวันหนึ่งเขาก็ได้พบกับการนำความฝันนี้กลับมาในชีวิต“เนลลี่” (เอเลเนอร์) หญิงสาวที่มีแม่เป็นดาราดังบ้านรวยมีฐานะ ตัวเองสนใจวาดภาพกับเขียนหนังสือนิยาย แต่กลับถูกแม่ตีกรอบว่าเธอควรเบนเข็มไปเรียนต่อเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมากกว่าจะเสี่ยงเป็นศิลปิน

อย่างไรก็ตามหนังเล่าเรื่องไปพร้อมกับตัดสลับเพลงเปลี่ยนอารมณ์ที่สนุก ตลก แบบมิวสิควิดีโอ เพลงที่เลือกมาก็เข้ากันได้ดีเป็นส่วนใหญ่ แต่ตัวละครใช้ลิปซิ้งไม่ได้ร้องเองถ้าไม่ชอบตรงนี้อาจจะขัดตาขัดใจ แต่ส่วนที่เป็นจุดเด่นของเรื่องจริงๆ คือ พล็อตและวิธีเล่าเรื่องพร้อมจุดหักมุมคนดูอย่างน่าทึ่งตั้งแต่ตอนแรกเลย และก็กลายเป็นวิธีการเล่าเรื่องหลักไปในตัว ไปตามล่าความฝันกันค่ะ

 👉👉  นอกจากนี้ติดตามเกี่ยวกับ ดูหนังออนไลน์เต็มเรื่อง ที่นี่

รีวิว A Star Is Born (อะ สตาร์ อีส บอร์น) บทเพลงที่เราสองคนร้องร่วมกัน

แนะนำหนังแนวเพลงดนตรี  A Star Is Born ภาพยนตร์โรแมนติกดราม่า ผลงานการกำกับครั้งแรกของ แบรดลีย์ คูเปอร์ และเป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของ เลดี้ กาก้า ที่สร้างความฮือฮา เข้าชิงออสการ์ครั้งล่าสุดถึง 8 รางวัล  ศิลปินหนุ่มชื่อดังพบกับหญิงสาวมากความสามารถโดยบังเอิญ และช่วยหยิบยื่นสปอต์ไลต์ฉายแสงให้เธอได้เป็นที่มองเห็นของคนทั่วไป จนกระทั่งเธอได้เป็นดาวสมใจ

โดยเรื่องราวของ แจ็ค (แบรดลีย์ คูเปอร์) ซูเปอร์สตาร์คันทรีร็อก ที่แม้จะประสบความสำเร็จ แต่ชื่อเสียงความโด่งดัง ก็ไม่อยากเยียวยาบาดแผลในหัวใจ เขากลายเป็นคนติดเหล้าอย่างหนัก กระทั่งพบกับ แอลลี่ (เลดี้ กาก้า) นักร้องสมัครเล่น ที่ไม่มั่นใจในพรสวรรค์ และรูปลักษณ์ของตัวเองทั้งสองจึงเหมือนเข้ามาเติมเต็มซึ่งกันและกัน แอลลี่ทำให้แจ็คผู้หดหู่ มีชีวิตชีวา ส่วนแจ็คก็คอยกระตุ้นให้หญิงสาวกล้าปลดปล่อยความสามารถด้านดนตรี ทั้งในฐานะนักร้องและนักแต่งเพลง โดยฉากที่ทั้งคู่ร่วมร้องเพลงกัน ด้วยเนื้อหาของบทเพลงที่ลึกซึ้ง รวมถึงเคมีที่เข้ากัน จึงเป็นฉากที่แสดงให้เห็นถึงการปลดปล่อยศักยภาพอันยอดเยี่ยมของแอลลี่ออกมาได้อย่างทรงพลัง

ภาพยนตร์ดราม่าประกอบเพลงเพราะๆ ที่อัดแน่นมากถึง 34 เพลง เพลงเด่นๆ อย่าง “Shallow” และ “I’ll Never Love Again” ใครที่อยากฟังเพลง ฟังเสียงเพราะๆ จากนักแสดง และอยากเรียนรู้ชีวิตของร็อกสตาร์ที่แท้จริง กว่าจะมายืนอยู่บนเวที กว่าจะได้อยู่กับค่ายเพลง กว่าจะถ่ายรูปลงปกอัลบั้ม หรือกว่าจะขึ้นไปยืนรับรางวัลบนเวที Grammy Awards ต้องผ่านอะไรมาบ้าง แล้วทำไมถึงมีบางส่วนอยู่รอดปลอดภัยมาได้หลายปี ในขณะที่บางคนมีชื่อ มีเพลงฮิตไม่กี่เพลงก็ล้มหายตายจากไปหมด ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคำอธิบายอย่างจับต้องได้ และเรียลมากๆ ให้เราได้ชม ได้เข้าใจกันค่ะ

👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ที่นี่

รีวิวหนัง A Week Away อีก 7 วัน ฉันจะรักเธอ (2021)

แนะนำหนังเรื่อง A Week Away อีก 7 วัน ฉันจะรักเธอ  มิวสิคัลจะเยียวยาหัวใจ เรื่องราวของวัยรุ่นวิลเด็กหนุ่มกำพร้าผู้มีความสามารถในด้านดนตรี แต่มีปัญหาในด้านการเข้าสังคมเพราะการสูญเสียความหวังในตัวเองจากการสูญเสียครอบครัว จนชีวิตเขาถูกจับผลัดจับพลูให้ไปเข้าร่วมกับค่ายโบสถ์หน้าร้อนสุดสัปดาห์ของครอบครัวบุญธรรมร่วมกับวัยรุ่นกว่าร้อยชีวิตในป่าอันห่างไกล ที่ซึ่งมีมนตร์เสน่ห์ของดนตรี มิตรภาพและความรัก

โดยเรื่องราวของ  วิล เด็กหนุ่มที่สูญเสียพ่อแม่ไปในวัยเด็ก ขาดที่พึ่งทางใจ กลายเป็นเด็กเกเรและมักทำเรื่องผิดกฎหมายอยู่บ่อยครั้ง จนต้องเลือกระหว่างไปเข้าสถานพินิจหรือเข้าค่ายฤดูร้อน ท้ายที่สุดเขาตัดสินใจเข้าค่ายฤดูร้อน ซึ่งความสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ และกิจกรรมในค่ายทำให้เขารู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกลุ่มอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว เบลีย์ เมดิสัน แสดงเป็น เอเวอรี่ ลูกสาวเจ้าของค่ายฤดูร้อนที่สูญเสียแม่ในวัยเด็ก เป็นคนมีนิสัยร่าเริง ชอบการแข่งขัน ศรัทธาในศาสนา มีความเป็นผู้นำ และจิตใจโอบอ้อมอารี การเข้าค่ายในครั้งนี้วิลได้ ได้พบรัก สารมิตรภาพ และเจอที่ทางของตัวเองอย่างไม่คาดฝัน

สำหรับซีรีส์เพลงวัยรุ่นที่จะมีทั้งฉากร้องและเต้นเป็นส่วนสำคัญในเรื่อง เพิ่มความสนุกสนาน น่าติดตาม การทำกิจกรรมต่าง ๆ ในค่าย การเล่นแคมป์ไฟตอนกลางคืน นอนในห้องพักค่าย ทำให้นึกย้อนเวลาถึงความสุขตอนเข้าค่ายสมัยเรียนมัธยมหรือมหาวิทยาลัย ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวในเรื่องน่ารัก มีโมเมนต์กุ๊กกิ๊ก สมจริงบ้าง ดูเว่อร์บ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าโอเคเลย  เพลงร้องคริสเตียนเก่า ๆ กับมาร้องใหม่อีกครั้งเพราะดี  บวกกับใส่ท่าเต้นเข้าไปด้วย  ดูเรื่องนี้แล้วจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่ว่ามันจะมีแสงสว่างอยู่ที่ตรงปลายทางเสมอ เพราะหากเรามีความเชื่อเราก็จะผ่านมันไปได้ค่ะ 

  👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

รีวิวภาพยนต์ Moxie (ม็อกซี่) "เจตจำนงอันมุ่งมั่น"

แนะนำภาพยนต์  Moxie (ม็อกซี่) เพื่อนใหม่มาดมั่นและวีรกรรมในอดีตของคุณแม่จอมขบถบันดาลใจให้สาวขี้อายวัย 16 ปี เผยแพร่หนังสือทำมือโดยไม่ออกนามเพื่อเปิดโปงเรื่องราวการเหยียดเพศภายในรั้วโรงเรียนคือ ระบบชายเป็นใหญ่ การที่ผู้ชายทำอะไรก็ได้โดยมีมาตรฐานมากกว่าคนอื่น โดยไม่ต้องกังวลถึงผลที่ตามมา หรือการที่ให้เกียรติคนอื่น เพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงหรือคนที่อ่อนแอสมควรได้รับการดูแลจากตัวเอง

โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวของ เจนนิเฟอร์ แมธทิวและเพื่อนๆ ของเธอในสมัยไฮสกูล และด้วยมูฟเมนต์ หรือการที่คนในวงการบันเทิงออกมาบอกว่าตัวเองโดนคุกคามหรือล่วงละเมิดทางเพศ นั้นออกมาในช่วงที่สำคัญ ทั้งสำหรับผู้หญิงและเพื่อการต่อสู้เรียกร้องเพื่อสิทธิสตรี เจนนิเฟอร์บอกว่านั่นก็อาจจะมีประโยชน์กับการขายหนังสือก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีเป็นสิ่งที่สำคัญเสมอ เพราะสิทธิสตรีไม่ได้หมายถึงแค่สตรี แต่หมายถึงเหยื่อทุกเพศที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่มีเสียงพอจะต่อสู้กับสังคม  โรงเรียนนี้ มีเด็กจากหลากหลายเชื้อชาติ จึงเป็นวัตถุดิบอย่างดีที่สามารถสรรค์สร้างเรื่องราวความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมเล็กอย่างในรั้วสถาบันการศึกษา เป็นภาคจำลองของสังคมโลกทั้งมวลที่ยังเรียกได้ว่า ‘ชายเป็นใหญ่’ 

อย่างไรก็ตามแม้เรื่องราวจะเดินมาอย่างนิ่งๆ มีความน่าตื่นเต้นแทรกมาเป็นระยะๆ ทำให้หนังไม่ถึงกับดึงดูดมากเท่าใดนัก แต่เพราะแมสเสจในหนังนั้นน่าสนใจให้ติดตาม ซึ่งสุดท้าย ผู้ชมก็จะได้พบกับสิ่งที่หนังต้องการจะบอกในช่วงเวลาไคล์แมกซ์ หนังที่จะทำให้เราได้คิดว่า เราควรจะปรับความคิดยังไงเมื่อเราได้รับฟังความคิดของพวกเธออย่างเข้าใจ

 

👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา ที่นี่

รีวิว JINGLE JANGLE:A CHRISTMAS JOURNEY จิงเกิ้ล แจงเกิ้ล คริสต์มาสมหัศจรรย์ (2020)

แนะนำหนังภาพยนตร์มิวสิคัล/แฟนตาซี ที่บอกเล่าเรื่องราวของความเชื่อที่หายไปของ เจอโรนิคัส แจงเกิ้ล  ช่างทำของเล่นในตำนานผู้ประดิษฐ์ของเล่นเจ๋ง ๆ แสนมหัศจรยย์แห่งเมืองคอบเบิลตัน เมืองที่เต็มไปด้วยความคึกคักและรอยยิ้มที่สดใส กัสตาฟสัน ศิษย์เอกที่เขาไว้ใจขโมยสุดยอดสิ่งประดิษฐ์ของเขาไป ทำให้เขากลายเป็นคนที่หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ความมั่นใจในตัวเอง จนกระทั่ง เจสสิก้า ลูกสาวสุดที่รักของเขาได้ส่ง เจอร์นีย์ หลานสาวที่สดใสและมีหัวใจรักในสิ่งประดิษฐ์ มาเยี่ยมเขาก่อนวันคสิตมาสต์ จนได้เข้ามาช่วยเยียวยาแผลเก่าและปลุกความอัศจรรย์ในตัวเขาขึ้นมาอีกครั้ง

โดยเรื่องราวของนักประดิษฐ์สุดยิ่งใหญ่ เจโรนิคัส ที่สามารถสร้างสรรค์ของเล่นสุดเหนือจินตนาการเกินกว่าคนทั่วไปจะคาดคิด เขาสามาถสร้างของเล่นที่มีความนึกคิดเป็นของตัวเองได้สำเร็จ และวางแผนที่จะส่งออกอีกล้านกว่าชิ้น แต่แล้ววันคริสต์มาสวันนั้นเองลูกศิษย์ของเขากลับขโมยแปลนผลงานทั้งหมดของเขาไป ทำให้จิตใจอันร่าเริง และความสามารถของกลับหายไป จากรวยกลายเป็นจน ทุกอย่างกลายเป็นเพียงแค่อดีต จนเวลาล่วงเลยมาถึง 30 ปี หลานสาวของ เจโรนิคัส ที่มีชื่อว่า เจอร์นีย์ได้มาหาเขาถึงที่บ้าน และเด็กคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา แต่เธอคืออัจฉริยะอีกคนที่จะมาเปลี่ยนแปลง เจโรนิคัส ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

เรื่องราวเหมือนจะเป็นการผจญภัยของสองปู่หลาน เจโรนิคัส และเจอร์นีย์ แต่กับกลายเป็นเรื่องราวดราม่าที่แสดงให้เห็นเกือบทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้ ฉากการผจญภัยจะมีแค่เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่ก็ยังมีอย่างอื่นที่ทำให้ประทับใจอยู่นั้นก็คือเรื่องนี้มีความเป็นหนังมิวสิคเคิลอย่างมาก ทุก ๆ สิบนาทีจะมีเพลงร้องอย่างน้อยหนึ่งเพลง และมีนักเต้นจากที่ไหนมาไม่รู้มาเต้นล้อมรอบตลอด ทำให้รู้สึกว้าวในส่วนนี้บ้าง และนักแสดงก็มีทักษะการร้องลูกคอที่สุดยอดมาก จนทำให้กลายเป็นความเพลินในการดูเพลงไปเลย 

 👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ  รีวิวหนังรักคอมเมดี้  ได้ที่นี่

รีวิว Over the moon เนรมิตฝันสู่จันทรา ภาพยนต์แอนิเมชั่นมิวสิคัล เพลงดนตรี

แนะนำภาพยนต์แอนิเมชั่นมิวสิคัล  Over the moon เนรมิตฝันสู่จันทรา เรื่องนี้เป็นอนิเมชั่นที่เล่าเรื่องราวตำนานของเทพฉางเอ๋อ ซึ่งเป็นตำนานของเทศกาลการไหว้พระจันทร์ที่แม่ผู้ชอบเล่าเรื่องราวของเทพธิดาบนดวงจันทร์ให้ลูกสาว เฟย เฟย ฟัง ก่อนจากไปก่อนวัยอันควร ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เปรียบสเหมือนตัวแทนควรรักความห่วงใย ความอบอุ่น และอ้อมกอดของบุคคลที่เรารักที่เราได้สูญเสียไป บนดวงโดยจะมาในรูปแบบอนิเมชั่นสีสันสดใส 

โดยเรื่องราว  เฟยเฟย เด็กสาวที่สูญเสียแม่และพ่อของเธอกำลังจะเริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่พร้อมการมาถึงของ ชิน หนุ่มน้อยตัวแสบผู้มาพร้อมกบ ด้วยความไม่ถูกชะตากันและในคืนหนึ่งที่โต๊ะอาหารของครอบครัวเธอได้มีปากเสียงกับญาติที่มาท้าทายให้เธอพิสูจน์ว่าเทพีฉางเอ๋อมีตัวตนอยู่จริงทำให้ เฟยเฟย ตัดสินใจสร้างจรวดเพื่อพาเธอไปยังดวงจันทร์เพื่อหาหลักฐานการมีตัวตนของฉางเอ๋อแต่ที่เธอไม่คาดคิดก็คือเมื่อพบเทพีฉางเอ๋อแล้วนางกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ึคิดและเพื่อให้ได้กลับบ้าน เฟยเฟย และ ชิน พร้อมเจ้ากบ และกระต่ายบันจี้จำต้องหาของขวัญให้เทพีฉางเอ๋อก่อนจะติดอยู่บนดวงจันทร์ที่กำลังจะดับเพราะความเสียใจของนางไปตลอดกาล

อย่างไรก็ตามเรื่องเนี้อ สนุก มีมุกตลก และคาแรกเตอร์กระต่ายอย่างเจ้าบันจี้ก็น่ารักน่ากอดดี ส่วนเทพีฉางเอ๋ออย่างบอกว่านางแซ่บมาก แซ่บระดับที่เชื่อว่า กะเทยได้ดูคงยกให้เป็นแม่แน่นอนผนวกกับเพลงที่นางร้องเปิดตัวด้วยแล้วนี่ขอบอกว่าเปรี้ยวเยี่ยวราดมากค่ะ สรุปแล้วถือว่าดีเกินคาดเลยครับสำหรับแอนิเมชันเรื่องนี้ เหมาะสำหรับเปิดดูเพื่อให้ลูกหลานได้ศึกษาที่มาของประเพณีไหว้พระจันทร์ที่เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักแค่ขนมไหว้พระจันทร์นั่นแหละ และมันยังให้ข้อคิดดี ๆ เรื่องการทำใจยอมรับความสูญเสียและอยู่กับปัจจุบันซึ่งแอนิเมชันก็พูดถึงเรื่องนี้ได้ลึกซึ้งทีเดียวค่ะ

👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนังใหม่ชนโรง  ได้ที่นี่

รีวิว Andhadhun (2018) บทเพลงในโลกมืดกับชายนักเปียโนตาบอด

แนะนำหนังแนวเพลงดนตรีเรื่อง Andhadhun  บอกเล่าให้รู้จักกับชายนักเปียโนผู้ตาบอดที่เล่นเปียโนอยู่ริมหน้าต่าง เขามีชีวิตเบาๆ อยู่กับเจ้าแมวเหมียวตัวนึง ความมุ่งหวังของเขาก็คือการได้ไปใช้ชีวิตความเป็นนักเปียโนในลอนดอน แต่แท้ที่จริงเขามีความลับที่ไม่เคยบอกใครเอาไว้อยู่ เป็นความลับที่หนังจะเผยให้เราได้รู้ ว่าแท้จริงเขาตาบอดจริงหรือไม่?

โดยเรื่องราวของชายนักเปียโนตาบอด อากาซ (Ayushmann Khurrana) ที่มีชีวิตอยู่ในบ้านพักอันเงียบสงบแห่งหนึ่งในเมืองปูเน จนกระทั่งวันนึงเขาได้พบกับโซฟี (Radhika Apte) หญิงที่ยอมรับในความเป็นคนตาบอดของเขา เธอนำพาเรื่องราวอันแปลกประหลาดมาให้เธอเขาได้ไปเล่นเปียโนในร้านอาหารชื่อแฟรนเก้ และได้ไปพบกับดาราดังในอดีตอย่างปราโมท ซินฮา (Anil Dhawan) และเขาได้รับเชิญไปเปียโนที่บ้านพักส่วนของปราโมท ก่อนจะบังเอิญไปอยู่ในเหตุมาตกรรมโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ และมันก่อให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือการเอาตัวให้รอดจากสถานการณ์ต่างๆ เพราะรอบตัวที่เขาได้เจอมีแต่ความฉ้อฉลของใจคน เรียกได้ว่าหนังค่อนข้างเดาทางได้ยากทีเดียว การเล่าเรื่องดูจะลื่นไหลแต่ก็ยังชวนตะขิดตะขวงใจในบางส่วน เหมือนว่าจะตัดบางฉากออกไป ด้วยความที่หนังมันเล่าเรื่องของนักเปียโน หนังจึงเต็มไปด้วยเพลงเต็มเรื่อง ทำให้เราได้ฟังเพลงอินเดียในรสของความเป็นแจ๊ส ได้พบกับเพลงแขกแต่มีกลิ่นไอสนุกสนานแบบสากลปะปนอยู่ด้วยค่ะ

👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่ 

รีวิว ฮักเถิดเทิง (2020) LOVE RUMBLE THE MOVIE

แนะนำภาพยนต์แนวเพลงดนตรีเรื่อง   ฮักเถิดเทิง (2020) ราววุ่นๆที่เกิดขึ้นในงานมหกรรมการแสดงหมอลำใจกลางเมืองใหญ่ของภาคอีสาน เมื่อก๊วนบอยแบนด์ซุปตาร์อย่าง หมอลำผู้คลั่งไคล้เอลวิส      ศิลป์ชัย (ก้อง ห้วยไร่)หนุ่มแหบเสน่ห์ผู้หลงใหลการเต้นมูนวอล์ก เพชร (แซ็ค ชุมแพ) และหมอลำแร็กเก้ พิณ(เบิ้ล ปทุมราช)ต้องมาพ่ายแพ้ผลโหวตให้กับเกิร์ลกรุ๊ปแห่งภาคอีสาน แต่เหล่าก๊วนบอยแบนด์ กลับพบว่าการโหวตครังนี้มีเบื้องหลัง เพื่อตามหาความจริง พวกเขาจึงต้องแผงตัวเข้ามาสืบและไขข้อกระจ่างทั้งหมด

โดยเรื่องราวเมื่อวงบอยแบนด์ที่มีชื่อเสียงและกำลังเป็นดาวรุ่งประกอบด้วย ศิลป์ชัย (ก้อง ห้วยไร่), เพชร (แซ็ค ชุมแพ) และหมอลำแร็กเก้ พิณ (เบิ้ล ปทุมราช) หลังจากที่ขึ้นแข่งขันในงานแสดงมหกรรมหมอลำใจกลางเมืองใหญ่ของภาคอีสานพวกเขาก็ต้องแปลกใจอย่างยิ่งเมื่อต้องมาพ่ายแพ้ผลโหวตให้กับวงเกิร์ลกรุ๊ปแห่งภาคอีสาน ที่ในทีมประกอบด้วย นรี (ลำไย ไหทองคำ), เจนนี่ (เจนนี่ รัชนก), กาแฟ (เนสกาแฟ ศรีนคร) และ อาลี่ (อาม ชุติมา) ทำให้กลุ่มศิลปินบอยแบนด์ที่โด่งดังต้องอับอายพวกเขาจึงพยายามเรียกความมั่นใจและกลับมาต่อสู้เพื่อเอาชนะให้ได้

อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับเรื่องราวของซุปตาร์อีสานที่กำลังจะตกอับเพราะมีนักร้องเกิร์ลกรุ๊ปอีสานมาเบียดแย่งชิงความนิยมไป นักร้องหนุ่มทั้ง 3 เลยต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้มิตรภาพความเป็นเพื่อนที่ต้องเผชิญกับความท้าทาย แล้วค่อย ๆ ลากเส้นไปจบที่กลโกงในค่ายเพลง เขาจะผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้หรือไม่ ทุกคนต้องไปติดตามและลุ้นไปพร้อมๆกันค่ะ

👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา ได้ที่นี่

รีวิว พรจากฟ้า ภาพยนต์รักแห่งปีที่มอบ "ดนตรี" ให้เป็นของขวัญ

 แนะนำภาพยนต์เพลงดนตรีเรื่อง พรจากฟ้า โดยแบ่งออกเป็น 3 ตอน โดยตอน“ยามเย็น” เป็นหนังที่ออกแนวโรแมนติกสุดใน 3 เรื่อง ส่วน“Still On My Mind” ตอนที่ดราม่าที่สุดในเรื่องนี้ และ“พรปีใหม่” เป็นตอนที่ถือเป็นจุดกำเนิดโปรเจ็คท์เรื่องนี้ สำหรับ “พรจากฟ้า” คือหนังขายความบันเทิงที่เต็มไปด้วยมุกที่ยิงติด ภาพสวย เพลงเพราะตามสไตล์หนังแกรมมี่เช่นเดิม แต่ดูแล้วก็จะซาบซึ้งอินไปกับเพลงพระราชนิพนธ์ทั้ง 3 เพลงนี้มากขึ้น

โดยเรื่องราวพาร์ทแรกของเพลง ยามเย็น นำแสดงโดย วี วิโอเล็ต วอเทียร์ และ นาย ณภัทร เสียงสมบุญ ร่วมด้วย นท เดอะสตาร์ เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาวแปลกหน้าที่จับพลัดจับผลูต้องมาเป็นสแตนด์อินท่านทูตรัสเซียกับภริยาท่านทูตคู่กัน  ส่วนพาร์ท 2 เพลง Still on My Mind  นำแสดงโดย มิว นิษฐา และ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์  โดยมิวรับบทเป็นลูกสาวที่ต้องดูแลพ่อที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์และถามหาแม่ตลอดเวลาทั้งที่แม่ไม่อยู่แล้ว ส่วนซันนี่เป็นช่างจูนเปียโนที่มาช่วยมิวซ่อมเปียโน เพราะมิวเชื่อว่าเสียงเปียโนเพลงโปรดของแม่จะทำให้พ่อจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง และพาร์ท 3 เพลง พรปีใหม่ นำแสดงโดย เต๋อ ฉันทวิชช์ และ หนูนา หนึ่งธิดา สองพระนางผู้รับบทเป็นมนุษย์เงินเดือนผู้มีใจรักในเสียงดนตรี พยายามทำให้บอร์ดบริหารอนุมัติสร้างห้องซ้อมดนตรีให้พนักงานในออฟฟิศ

แต่อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวม เป็นหนังที่ทำหน้าที่ของมันได้ดี ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของคนทำหนัง นั่นก็คือ “เป็นของขวัญให้คนไทย” และทำให้ “เพลงพระราชนิพนธ์” เข้าถึงได้ง่ายขึ้นกับคนไทยทุกเพศทุกวัย เพราะดูแล้วมันมีความสุขมากจริง ๆ ถึงแม้บางพาร์ทจะไม่ได้อะไรนอกจากความสุขเลยก็ตาม แต่บางครั้งแค่มีความสุขมันก็เพียงพอแล้วค่ะ

👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่

รีวิว วีโว่ Vivo (2021) มิวสิคัลแอนิเมชัน ชวนท่องโลกผจญภัยไปกับเสียงเพลง

แนะนำหนังมิวสิคัลแอนิเมชัน  วีโว่  Vivo สายร้อง เต้น เล่นดนตรี ด้วยภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องใหม่กับการผจญภัยข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำภารกิจสำคัญบางอย่างของ คิงกาจู สัตว์ป่าตัวน้อยแสนน่ารัก ดูจบแล้วก็เลยต้องรีบมาขายป้ายยากันแบบด่วนจี๋ เพราะเรื่องนี้คงถูกใจคนรักมิวสิคัล ปล่อยใจฝันไปกับเสียงเพลงแล้วเริ่มบรรเลงกันได้เลย

โดยเรื่องราวเริ่มต้นด้วยบรรยากาศแสนสนุกในเมืองฮาวานา ประเทศคิวบา 'วีโว่' คิงกาจูตัวน้อยแสนฉลาดที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ทางด้านดนตรี ร้องเพลงเป็น เต้นก็ได้ แถมยังเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิดอีกต่างหาก ตอนเบบี๋วีโว่พลัดตกจากรถบรรทุกสินค้าและได้ 'ป๋าอันเดรส' เป็นคนเลี้ยงดูมันมา ทั้งสองมักจะออกไปทำการแสดงเปิดหมวกยังลานน้ำพุกลางเมือง สร้างสีสันและความครื้นเครงให้เมืองแห่งนี้มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ

อย่างไรก็ตามด้วยความเป็นแอนิเมชัน แน่นอนว่าพล็อตเรื่องย่อมไม่ซับซ้อน ย่อยง่ายเหมาะกับผู้ชมทุกเพศทุกวัย งานภาพไม่ต้องพูดอะไรมากเพราะระดับ Sony Pictures Animation ไม่ทำให้เราผิดหวังอยู่แล้ว แต่สิ่งที่มันพิเศษมากคือหนังพาเราหลุดไปอยู่ในโลกแห่งเสียงเพลงที่การันตีความไพเราะได้เลยฉบับบรรยายไทยซึ่งเป็นเสียงออริจินัลและฉบับพากษ์ไทยโดย โอ๊ต ปราโมทย์ เจนนิเฟอร์ คิ้ม และ วันเดอร์เฟรม ซึ่งเชื่อขนมกินได้เลยเพราะฝีมือระดับเทพของวงการเพลงไทยด้วยกันทั้งนั้น

👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนังเอเชีย ได้ที่นี่

รีวิวหนัง Trolls World Tour ภาพสวย เพลงเพราะ เดินตามสูตรแบบเด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี

แนะนำหนัง Trolls World Tour เป็นภาพยนตร์ Animation ภาคต่อของ Trolls ที่ออกฉายเมื่อปี 2016  เป็นหนังดูง่าย ไม่ยาก เนื้อเรื่องสื่อออกมาได้ดี หากใครยังไม่ดูภาคแรกสามารถดูภาคนี้เลยก็ได้รู้เรื่องเหมือนกัน เนื้อหาไม่ซับซ้อนค่ะ

โดยเรื่องราวภาคนี้ได้เล่าย้อนตำนานของโทรลส์ ว่าด้วยกำเนิดแห่งเสียงดนตรีเมื่อพระเจ้ามอบสายเสียงที่เหมือนสายพิณไว้ให้ 6 สายแทนแนวเพลงแต่ละแนวทั้งคลาสสิก, ร็อก, พอป, เทคโน, คันทรีย์ และ ฟังก์ จนกระทั่งวันหนึ่งก็มีอันทำให้โทรลส์แต่ละเผ่าเอาสายเสียงของแนวเพลงตัวเองไปเก็บไว้โดยไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นสาเหตุที่ทำให้โทรลส์แต่ละเผ่าพันธุ์ต่างแบ่งแยกแตกความสามัคคีและมุ่งแต่จะรักษาเส้นเสียงและแนวดนตรีของตัวเองให้ดีที่สุด

อย่างไรก็ตามไม่ต้องอธิบายอะไรมาก Trolls World Tour ก็แทบจะมีสารทางการเมืองชัดเจนเหลือเกินและการที่มันมาในรูปแบบแอนิเมชันก็ทำให้มันสื่อสารกับเด็กได้เข้าใจง่ายเสียด้วย ว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหมด ยิ่งเมื่อแทนค่าแนวดนตรีด้วยสีผิว ศาสนา หรือความเชื่อแล้วล่ะก็ยิ่งชัดเจนทีเดียว 

👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่

รีวิวหนัง In the Heights อิน เดอะ ไฮท์ส ที่มีดีมากกว่าแค่เพลงดีๆ

แนะนำหนังแนวเพลงดนตรี In the Heights  อิน เดอะ ไฮท์ส “หนังเพลง ที่มีดีมากกว่าแค่เพลงดีๆ แต่ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจ” เพลงดนตรีลิน-มานูเอล มิแรนดา เป็นที่รู้จักจากละครเพลง Hamilton แต่เขามีผลงานมาก่อนหน้าแล้ว และ In the Heights ก็คือหนึ่งในจำนวนนั้น

โดยเรื่องราวเต็มไปด้วยแสงสีและกลิ่นกาแฟอันหอมกรุ่น ณ ย่านถนนหมายเลข 181 ชื่อว่า วอชิงตัน ไฮส์ท สถานที่ที่เหล่าคนล่าฝันมารวมตัวกันจนบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและมิตรภาพอันแน้นแฟ้นของชุมชน อีกด้านหนึ่งของมุมถนนมีชายหนุ่มชื่อว่า อัสนาวี (แอนโทนี่ ราโมส) เจ้าของร้านขายของชำเล็ก ๆ กำลังใช้ชีวิตในทุกวันไปกับการเก็บหอมรอมริบทีละเล็กทีละน้อยเพื่อเติมเต็มความฝัน และนำพาชีวิตของเขาให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยด้วยความหวัง จินตนาการ และเสียงร้องเพลง

อย่างไรก็ตามกับเรื่องราวของชนชั้นแรงงานหลายเชื้อชาติในละแวกที่เขาเติบโต ที่มีทั้งเรื่องช่องว่างระหว่างวัย, ความแตกต่างทางวัฒนธรรม, พวกผู้อพยพ และความรัก ทำให้หนังมีมิติหลากหลาย  ตัวเพลงก็เช่นกัน มีแร็ป, มีซัลซา ที่มาทั้งแบบเดี่ยวๆ และผสมผสาน ไม่ควรพลาดเพราะ จอน เอ็ม. ชูคือผู้กำกับที่คุ้นมือกับหนังเพลงดี จากผลงานอย่าง หนัง Step Up 2-3, หนังสารคดีคอนเสิร์ตของจัสติน บีเบอร์

👉👉👉 นอกจากนี้สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

รีวิวหนัง Pitch Perfect ชมรมเสียงใสถือไมค์ตามฝัน 3

แนะนำหนังแนวมิวสิคัล เพลงดนตรี Pitch Perfect 3 การกลับมารวมตัวกันอีกครั้งสำหรับแก๊งส์สาวๆ ในการทัวร์ไปกับกองทัพเพื่อสร้างความบันเทิง แต่ดันกลายเป็นว่าพวกเธอต้องแข่งขันกับคู่แข่งหลากหลายแนวเพื่อรางวัลสุดยอดก็คือ ได้ขึ้นร้องเพลงกับ DJ Khaled

โดยเรื่องราว ภาคนี้ได้ Trish Sie ผู้กำกับหญิงจาก Step Up All in มากำกับให้ซึ่งเธอก็ทำได้ดีในการเล่าเรื่องราวต่างๆของเหล่าสาวๆ ที่มีความบ้าเเตกต่างกันไปซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ใครๆก็จดจำ ประเด็นของเรื่องนี้อาจไม่ได้เเน่นเหมือนภาคก่อน มันคือการเดินหน้าสู่สิ่งใหม่ๆ ที่พวกเธอต้องเผชิญ ที่เล่นเอาน้ำตาซึมในฉากปิดท้ายเลยทีเดียวสาวๆไปตะลุยร้องเพลงถึงยุโรปกันเลยทีเดียว 

 อย่างไรก็ตามใครที่ได้ดูเรื่องนี้ คงมีพลังในการทำดนตรีมาก เนื่องด้วยความที่มันเป็นหนังตลกผ่อนคลายสมอง บวกกับความแข่งขันที่ต้องเกิดขึ้นในเรื่อง จึงทำให้ไฟของคุณต้องติดขึ้นมาบ้าง ไม่มากก็น้อยค่ะ

👉👉👉 สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้  ได้ที่นี่

หนังแนวเพลงดนตรี The Dirt โคตรมันมาตาฟักเกอร์

แนะนำหนังแนวเพลงดนตรี  The Dirt  เป็นผลงานที่สร้างมาจากชีวประวัติสุดบ้าคลั่ง สร้างมาจากหนังสือของวงดนตรีร็อกอย่าง “มอตลีย์ ครู” ที่ประกอบด้วยชายสุดห่ามทั้ง 4 คนที่ต้องเผชิญทั้งจุดที่ตกต่ำที่สุดและจุดที่สูงสุดของการเป็นวงดนตรีร็อกชื่อดัง

โดยเรื่องราวของ Mötley Crüe วง glam metal ได้เริ่มฟอร์มวงกันเมื่อเดือนมกราคมปี 1981 มีสมาชิก 3 คนเท่านั้น คือ Nicky Sixx (เบส), Greg Leon (กีตาร์/ร้องนำ) และ Tommy Lee (กลอง) จน Greg Leon  ย้ายไปวง Quiet Riot ทำให้ไม่กี่เดือนต่มา   Mick Mars ได้เข้ามารับหน้าที่มือกีตาร์แทนหลังจากนั้นทั้ง 3 คนก็ได้พยายามดึงตัว Vince Neil  มาร่วมวง  ในตอนแรกเขาได้ปฏิเสธข้อเสนอของทางวงเพราะยังทำวงที่ชื่อว่า Rock Candy อยู่ แต่ในเวลาต่อมาไม่นาน วง เปลี่ยนใจไปทำแนว new-wave  และแล้ว Mötley Crüe เลยได้ Vince Neil มาร่วมอุดมการณ์ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณหมดไฟแล้ว คุณต้องดู เพราะการที่เราได้เห็นแนวคิดในจุดที่ตัวละครตกต่ำที่สุดในชีวิต ซึ่งคุณสามารถเอามาดัดแปลงให้เข้ากับเหตุการณ์ที่คุณเจอได้

👉 ติดตามหนังใหม่หน้าดู  ดูหนังใหม่ชนโรง  ที่นี่

ภาพยนตร์ MUSIC เยียวยาหัวใจด้วยบทเพลง

แนะนำภาพยนตร์  MUSIC ซู หญิงสาวชีวิตพังที่ต้องมาเป็นผู้ปกครองของ มิวสิก น้องสาววัยรุ่นต่างพ่อของเธอ หลังจากที่ยายของทั้งคู่เสียชีวิตลง มิวสิกพูดไม่ได้และเป็นออทิสติกอ่อน ๆ แถมซูไม่เคยรักและห่วงใยมิวสิกเลย ความรับผิดชอบใหม่ในฐานะผู้ดูแลน้องสาว โดยหารู้ไม่ว่าน้องสาวคนนี้แหละจะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล 

เรื่องราวภาพยนตร์  MUSIC เล่าเรื่องราวของ ซู หญิงสาวผู้ห่างเหินจากครอบครัวของเธอและพร่ำโทษตัวเองมาตลอดชีวิตแต่แล้วเธอกลับต้องมาเป็นผู้ปกครองของ มิวสิก น้องสาววัยรุ่นต่างพ่อของเธอหลังจากที่ยายของทั้งคู่เสียชีวิตลงมิวสิกพูดไม่ได้และเป็นออทิสติกอ่อน ๆ ยายของเธอจึงได้สร้างตารางเวลาและกิจวัตรประจำวันให้แก่เธออย่างเต็มไปด้วยความรัก พร้อมด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง ซึ่งตัวของ ซู เองก็มีปัญหาชีวิตเกิดขึ้นอยู่เช่นกัน เธออยู่ในช่วงคุมความประพฤติจากการติดสุรา และการใช้สารเสพติด นี่จึงกลายเป็นเรื่องราวของ 2 พี่น้องที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เยียวยาซึ่งกันและกัน

อย่างไรก็ตามผลงานกำกับภาพยนตร์มิวสิคัลเรื่องแรกของ เซีย ศิลปินหญิงที่ทั้งโลกตกหลุมรักและเข้าชิง 2 รางวัลลูกโลกทองคำปีล่าสุด ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังดูมิวสิควีดีโอยาว ๆ สักเรื่องหนึ่ง ที่ใส่เนื้อหาหนัก ๆ เข้ามา เล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ แล้วแทรกเข้ามาด้วยบทเพลงกับวีดีโอประกอบที่ช่วยอธิบายภาพชัดเจนขึ้น

นอกจากนี้เรายังมีเรื่องราวที่น่าติดตามเกี่ยวกับ  รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่

หนังเพลงมิสิคัล The Greatest Showman โชว์แมนบันลือโลก

 

แนะนำหนัง The Greatest Showman ที่สั่งให้ฉันไปต่อก็คือ ‘ความเชื่อ’ เท่านั้น  หนังมิวสิคัลที่มีความโดดเด่นและแปลกใหม่เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองจุดเริ่มต้นแห่งธุรกิจโชว์และความรู้สึกมหัศจรรย์ที่เราสัมผัสได้เวลาความฝันเป็นจริงขึ้นมา หนังได้แรงบันดาลใจจากความมุ่งมั่นและจินตนาการของ พี.ที. บาร์นัม โดยถ่ายทอดเรื่องราวของคนช่างฝันที่มาจากศูนย์ และได้สร้างการแสดงอันชวนตะลึงจนสร้างความตื่นเต้นไปทั่วโลก 

โดยเรื่องราวเล่าถึงคนช่างฝันความมุ่งมั่นและจินตนาการอันเต็มเปี่ยมของ พี.ที. บาร์นัม บุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ของอเมริกา จากจุดเริ่มต้นที่มาจากศูนย์เกิดเป็นธุรกิจโชว์สุดมหัศจรรย์ที่รวมคนแปลก ไม่ถูกยอมรับกลับมาใช้ชีวิตโชว์ความสามารถได้อย่างภาคภูมิใจไม่ต้องหลบซ่อนตัวเองอีกต่อไป เกิดเป็นโชว์ที่น่าสนใจร้องเล่นเต้นกันตลอดทั้งเรื่อง ดูเพลินตั้งแต่ต้นยันจบ

อย่างไรก็ตาม หนังที่มีความเป็นมิวสิคัลหรือหนังเพลงร่วมสมัยที่ทั้งบันเทิงและเปี่ยมไปด้วยศิลปะการถ่ายทอดสร้างความตื่นตาตื่นใจทำให้ The Greatest Showman เป็นหนังคืนความสุข ได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว และโชว์เจ๋งเพลงดีติดหู มีความสุขหลังดูจบ

นอกจากนี้เรายังมีเรื่องราวที่น่าติดตามเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่