Thursday, September 30, 2021

รีวิว Slam Boy Superstar-to-be (สลัมบอย ซอยตื๊ด) พร้อมจะระเบิดความฮาให้กระจาย แบบไม่คิดอะไร

Slam Boy Superstar-to-be (สลัมบอย ซอยตื๊ด)  ภาพยนตร์ไทยเพลงดนตรีคอมเมดี้เรื่องใหม่ที่ติดอาวุธความฮาที่มีประสิทธิภาพ ร้ายแรงกว่าที่คุณคาดคิด พร้อมจะระเบิดความฮาให้กระจายไปทุกที่นั่งให้ฮาแบบหงายหลัง ซึ่งเรื่องนี้เราได้นักแสดงตลกน้ำดีระดับแถวหน้าของเมืองไทยมาร่วมแสดงกันในครั้งนี้ทั้ง แจ๊ส ชวนชื่น, น้าค่อม ชวนชื่น, โรเบิร์ต สายควัน, พัน พลุแตก, น้องปุณต์



เรื่องของ ซิ่ง (แจ๊ส ชวนชื่น) ที่มีความฝันอยากเป็นนักร้องดังเพราะพ่อของตัวเอง (ตัวละครลับ) ก็เคยฝันไว้แต่ตายไปเสียก่อนที่จะดัง วันหนึ่งเมื่อเพื่อนซี้อย่าง หรั่ง  (ปุณต์ – ศิริปัญญา จันทิหล้า) มือเบสของวงดังเกิดถูกนายทุนขับออกจากวงและเป็นหนี้ก้อนโต ซิ่งจึงต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือ โดยการฟอร์มวงเพื่อเข้าแข่งขันชิงเงินรางวัล 5 แสนบาท โดยหาสมาชิกวงจากในย่านชุมชนมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นอดีตมือกลองดังที่วางมือมานานอย่าง โจ๊ะ พันมือ (ค่อม ชวนชื่น) กับมือคีย์บอร์ดเพื่อนซี้อย่าง หลอด 9 นิ้ว (โรเบิร์ต สายควัน)  รวมถึงมือกีตาร์ขั้นเทพแต่เป็นเพียงเด็กประถมอย่าง เนิร์ด (น้องจุง ซูเปอร์เท็น) ที่มีพ่อเป็นครูใหญ่สอนดนตรีประจำโรงเรียน (แฉะ ผู้กำกับ) ซึ่งไม่อยากให้ลูกไปข้องแวะกับพวกซิ่งนัก และอีกสองสมาชิกสนับสนุนสร้างสีสันให้วงแม้จะเล่นดนตรีไม่เป็นอย่าง นม (เบียร์ เดอะว๊อยซ์) น้องสาวสุดสวยของซิ่ง และ ถั่วงอก หม่ำโชว์ สายย่อตัวป่วนของวง เรื่องราวการเดินทางของวงสลัมบอย ที่เป็นมวยรองต้องเจอทั้งมาเฟียไล่ล่าและการท้าชนกับวงดังที่หรั่งเคยอยู่บนเวทีชิงแชมป์



สรุปแล้วเพลงที่เป็นตัวชูโรงของหนังสไตล์นี้ยังไม่ค่อยถูกใช้งานได้คุ้มนัก มีฉากร้องเพลงจริง ๆ ราว ๆ 3-4 ครั้งเอง ทำให้เพลงยังไม่ทันทำงานให้เราติดหูเลย  ส่วนนักแสดง แจ๊ส-น้าค่อม-โรเบิร์ต สายควัน คือสามประสานแดนกลางที่เชื่อมมุกให้ตุงตาข่ายได้ไม่มีเบื่อ หนังเน้นเดินมุกคำพูดโต้ตอบกันอย่างพลิ้ว มีตัวละครลับที่โคตรเจ๋งและปล่อยของกันตั้งแต่ 10 วิแรกของหนังเลย ด้านน้องเบียร์ก็น่ารักสุดออร่าผุดผ่องมีเธอทำให้หนุ่ม ๆ ดูหนังลื่นคอขึ้นเยอะ แต่หนังก็มีข้อติงเรื่องจังหวะตบมุกยังไม่ค่อยลงตัว เดดแอร์มีมากไปนิด เหมือนนักแสดงรอจังหวะส่งมุกกันมากไป ซาวด์บิ้วอารมณ์ก็ใช้น้อยมาก พอบทพูดที่เยอะแล้วมีเดดแอร์หนังเลยเงียบอยู่หลายจังหวะ  รวมๆ เป็นหนังตลกดูเพลิน ๆ มุกยิงรัวทั้งเรื่อง หัวเราะขำแทบไม่ต้องคิดอะไร


👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่



Wednesday, September 29, 2021

รีวิว มหัศจรรย์รักข้ามภพ (Enchanted) คอหนังเจ้าหญิงดิสนีย์ไม่ควรพลาด


แนะนำหนังแนวมิวสิคัลของดิสนีย์ซึ่งเป็นหนึ่งในดวงใจของใครหลายคน ยิ่งหากใครเป็นผู้ใหญ่แต่อยากกลับไปได้กลิ่นอายความเป็นเด็กแบบผสมผสานโลกแห่งผู้ใหญ่อย่างลงตัว ก็ต้องรีบหาโอกาสได้ดูเรื่อง “Enchanted มหัศจรรย์รักข้ามภพ” เลย เพราะหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังที่สร้างฉากโลกแห่งการ์ตูนผสมกับโลกแห่งความจริงที่ตัวละครได้ข้ามมิติออกมาจึงเกิดเป็นเรื่องราวรักโรแมนติกและความคอมเมดี้แบบมีสไตล์หวานซึ้งด้วย ยิ่งหากคุณเป็นคอหนังเจ้าหญิงดิสนีย์ก็ยิ่งต้องไม่พลาด



เรื่องราว  จีเซลล์ หญิงสาวผู้อาศัยอยู่ในกระท่อมร่วมกับเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ในโลกการ์ตูนเทพนิยายอันดาเลเชียอย่างสงบสุขและวาดหวังว่าสักวันจะได้พบกับเจ้าชายและได้รับจุมพิตจากรักแท้อยู่ร่วมกันชั่วนิรันดร์ จนกระทั่งเธอได้พบกับ  เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด  ที่เข้ามาช่วยเธอไว้จากยักษ์โทรลทำให้ทั้งคู่ตกหลุมรักกันและเตรียมแต่งงานกันในวันรุ่งขึ้นแต่เมื่อจีเซลได้เดินมาถึงปราสาทก็กลับถูกแม่เฒ่าที่แท้จริงคือราชินีแม่เลี้ยงเจ้าชายขัดขวางไว้เสียก่อน ด้วยความอิจฉาไม่ต้องการให้ใครมาแย่งบัลลังก์ไปจากนาง นางจึงผลักจีเซลตกลงไปในบ่อน้ำส่งผลให้เธอได้ข้ามมาสู่โลกแห่งความจริงที่นิวยอร์ก และได้รับความช่วยเหลือจาก โรเบิร์ต  พ่อหม้ายลูกเล็ก ระหว่างรอเอ็ดเวิร์ดตามมาช่วย จีเซลล์ จึงคิดจะตอบแทนโรเบิร์ตโดยพาเขาไปเรียนรู้ให้เห็นถึงรักแท้และเปลี่ยนจิตใจที่ด้านชาของเขาให้กลับมามีความสุขอีกครั้ง ทำให้ทั้งคู่เริ่มตกหลุมรักกันด้วยเวทมนตร์จากบ่อน้ำทำให้เจอกับโรเบิร์ต ต่างคนต่างก็ได้เรียนรู้กันและกัน 


 

สรุปตัวหนังมีการดำเนินเรื่องที่รวดเร็ว ไม่เอื่อยเฉื่อย และลุ้นทุกฉากว่าเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดจะตามหาเจ้าสาวของตัวเองเจอในเมืองที่กว้างใหญ่และแปลกตาเช่นนี้หรือไม่ แล้วนางเอกจะรอดจากแผนการร้ายของลูกสมุนราชินีที่ตามมาประกบเจ้าชายหรือไม่ แต่ที่ทำให้เด็ก ๆ ชอบมากที่สุดก็เห็นจะเป็นเหตุการณ์หลักมากมายในหนังที่เหมือนรวมเอาความเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์มากมายมาใส่ไว้ให้เราหายคิดถึงด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ราชินีแปลงเป็นมังกรเหมือนเรื่องเจ้าหญิงนิทรา ฉากที่นางเอกถูกหลอกให้กินแอปเปิ้ลอาบยาพิษจากเรื่องสโนไวท์ ฉากที่นางเอกอยู่ในน้ำแล้วร่างก็เปลี่ยนไปเหมือนในเรื่องเจ้าหญิงเงือกน้อยแอเรียล และการที่ต้องมาอยู่กับพระเอกที่หัวใจปิดตายคล้ายเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร ทุกอย่างลงตัวมาก


 👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

Tuesday, September 28, 2021

รีวิว Bill & Ted Face the Music (2020) บิล แอนด์ เท็ด เฟซ เดอะ มิวสิค

Bill & Ted Face the Music (2020)   โดยบอกเล่าเรื่องราวของ Ted Theodore Logan (รับบทโดย Keanu Reeves) และ Bill S. Preston (รับบทโดย Alex Winter) สองคู่หูวัยรุ่นด้อยสติปัญญาที่หมกมุ่นกับการทำเพลงร็อก ได้ออกเดินทางย้อนเวลาไปช่วงสำคัญของประวัติศาสตร์ด้วยเครื่อง Time Machine และปกป้องจักรวาลไว้ได้  ที่เข้าสู่วัยกลางคน และยังคงพยายามทำเพลงฮิตและเติมเต็มชะตากรรมของตนเองให้ได้



เรื่องราวของ William “Bill” S. Preston, Esq. และ “Ted” Theodore Logan ที่กำลังประสบกับวิกฤตวัยกลางคนกับชีวิตที่น่าเบื่อหน่าย วันหนึ่งก็มีชายปริศนาที่อ้างว่าตัวเองเดินทางมาจากอนาคตปรากฎตัวขึ้นมา และบอกให้พวกเขาสร้างผลงานเพลงเพื่อช่วยเหลือคนทั้งโลกและทั้งจักรวาล โดยที่พวกเขามีเวลาที่จะทำเพลงให้เสร็จสมบูรณ์เพียงแค่ 78 นาทีเท่านั้นท้ง บิลล์ และ เท็ด จึงต้องร่วมมือกัน โดยมีคนในครอบครัว เพื่อนเก่า และเหล่านักร้องนักดนตรีชื่อดังมาให้ความช่วยเหลือ ในขณะเดียวกัน ลูกสาวตัวน้อยของพวกเขาได้คิดค้นแผนงานดนตรีของตนเองเพื่อช่วยให้บรรพบุรุษของพวกเขานำความสามัคคีมาสู่จักรวาล



สรุปแล้วความต่อเนื่องที่น่าอัศจรรย์ครั้งที่สามของการเดินทางที่แปลกแต่รุ่งโรจน์ของ Bill & Ted หลังจากภาพยนตร์เรื่องที่สองที่ยอดเยี่ยมแต่ประเมินต่ำเกินไป ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงจับความมหัศจรรย์และเสน่ห์ของแฟรนไชส์ที่ไม่ธรรมดานี้ และให้ความบันเทิงและจุดจบของการผจญภัยของ Bill & Teds นักแสดงและการแสดงตลอดทั้งเรื่องมีความโดดเด่น 30 ปีที่ผ่านมา Keanu & Alex ยังคงจับภาพตัวละครของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจจริงๆที่ได้เห็น


👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา ได้ที่นี่

Sunday, September 26, 2021

รีวิว แมรี่ ป๊อปปินส์ (Mary Poppins) พี่เลี้ยงนางฟ้า

แมรี่ ป๊อปปินส์ กลับมาแล้ว (Mary Poppins Returns) เล่าถึงยุค 1930's ยี่สิบห้าปีหลังจากพี่เลี้ยงเด็กมหัศจรรย์ แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ บินลงมาช่วยครอบครัวที่บกพร่องอย่างครอบครัวแบงค์สให้มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น สองพี่น้องตระกูลแบงค์ส ไมเคิลและเจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องแบกรับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ พวกเขาได้ลืมเลือนเวทมนตร์ที่เคยได้ประสบกับพี่เลี้ยงในวัยเด็กของพวกเขา ทั้งสองเผชิญกับเศรษฐกิจฝืดเคืองของลอนดอน


เรื่องราวของเด็กๆครอบครัวแบงค์ส ที่สูญเสียแม่ไปได้ไม่นานก็ต้องมาพบกับภาวะวิกฤต เมื่อไมเคิล แบงค์ส พ่อของพวกเด็กๆไม่สามารถแบกรับปัญหาทั้งหมดได้ ทำให้ติดหนี้สินจนบ้านเกือบจะถูกยึดทางเดียวที่จะรอดพ้นปัญหานี้ได้คือต้องหาเอกสารหุ้ที่เป็นมรดกเก่าแก่ให้เจอ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะไมเคิล หลงลืมไปแล้วว่ามันถูกเก็บไว้ที่ไหน ท่ามกลางมรสุมครอบครัว เด็กๆได้พบเจอเรื่องมหัศจรรย์ เมื่อพี่เลี้ยงวิเศษลอยมากับสายลม นามว่า ‘แมรี่ ป๊อปปินส์’ มาช่วยแก้ไขปัญหา สอนพวกเขามองต่างมุมมองและคืนความสุขให้กับครอบครัวแบงค์ส 



สรุปเนื้อหาในภาคนี้เต็มไปด้วยการผจญภัยทั้งโลกใต้ท้องทะเลที่ซ่อนอยู่ใต้อ่างอาบน้ำ,โลกละครสัตว์ที่ซ่อนอยู่ในโถใบเก่า,บ้านกลับหัว,ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยสายหมอกที่มีคนจุดคบไฟออกมาเต้นรำอย่างสนุกสนาน แต่ในการผจญภัยนั้น ‘แมรี่ ป๊อปปินส์’ ได้สอดแทรกข้อคิดมากมายไว้เช่น อย่ามองคนแค่ภายนอก แต่มองให้เห็นเนื้อแท้ข้างใน,ความสุขไม่เคยหายไปแต่อาจจะซ่อนอยู่ในบางแห่งของความทรงจำ,ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเรายังไม่ได้ลงมือทำ มันจึงเหมาะจะเป็นหนังที่พ่อแม่เอาไว้ใช้สอนเด็กและใช้เวลาในช่วงวันหยุดยาวนี้เติมความสุขด้วยกัน 


👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนังผี ได้ที่นี่

Saturday, September 25, 2021

รีวิว That Girl in Pinafore ภาพยนตร์แนว Come-of-age ที่มีฉากหลังเป็นสิงคโปร์ในปี 1990


That Girl in Pinafore 
เป็นภาพยนตร์ตลก-มิวสิคัลของสิงคโปร์ Jia Ming ออกจากโรงเรียนทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาร้านกาแฟเพลงพื้นบ้านที่ดูแลโดยพ่อแม่ของเขา คาเฟ่ใกล้จะพังทลายแล้ว แต่เจียหมิงมีโอกาสครั้งเดียวที่จะรื้อฟื้นมันขึ้นมาพร้อมกับเพื่อนๆ ของเขาที่ถูกพักการเรียนเนื่องจากธุรกิจนิตยสารโป๊ของพวกเขา หนุ่มน้อยผู้เปี่ยมไปด้วยความฝันและแรงบันดาลใจได้พบกับ 3 สาว ซึ่งหนึ่งในนั้นจะเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง


เรื่องราวของ Jiaming นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายกำลังรับมือกับการสอบ O-Level และ Dream Boat หลังจากได้รับผลสอบ O-Level แล้ว Jiaming ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน โดยอยู่ได้สองปีแล้ว ในขณะที่เด็กชายคนอื่นๆ ย้ายไปเรียนต่อ บังเอิญพวกเขาถูกจัดให้อยู่ในวิทยาลัยจูเนียร์เดียวกันกับเด็กหญิงสามคนที่พวกเขาเคยพบมาก่อน ในวันเปิดเรียนวันแรก เด็กชายทั้งสองเริ่มธุรกิจนิตยสารลามกอนาจารและถูกพักการเรียนเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในขณะเดียวกัน Jiaming ได้ไปที่วิทยาลัยจูเนียร์เพื่อออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ของเขาและได้รับความสนใจจากเพลงที่คุ้นเคยในห้องประชุมของโรงเรียนที่ว่างเปล่า ที่นั่นเขาค้นพบว่าเมย์เล่นเพลงบนเปียโนจากXinyaoหนังสือที่เขาทำหล่นก่อนหน้านี้ เขาเผชิญหน้ากับเธอเพื่อยึดหนังสือของเขาคืน แต่ถูกคนพาลโรงเรียนสามคนขัดจังหวะ ซึ่งผู้นำบอกว่าเมย์เป็นของเขา เจียหมิงออกจากที่เกิดเหตุหลังจากความขัดแย้งกับคนพาล ในที่สุด เขาได้พบกับเพื่อนสามคนและเรียนรู้เกี่ยวกับการระงับของพวกเขา


เด็กๆ ได้ทราบถึงการประกวดร้องเพลงXinyaoด้วยเงินรางวัล $5,000 ของผู้ชนะ เจียหมิงเสนอให้ตั้งวงดนตรีและเข้าร่วมการแข่งขัน หลังจากการออดิชั่น หนุ่มๆ ได้ปะทะกับสาวๆ ที่พยายามเสี่ยงโชคในการแข่งขันแต่แพ้เพราะปัญหาทางเทคนิค พวกเขาตัดสินใจที่จะทำงานร่วมกับเด็ก ๆ เพื่อสร้างวงดนตรีที่ทำงานร่วมกัน ต่อมาได้เชิญไปแสดงและโฆษณาเรือดรีมโบ๊ท


สำหรับโครงเรื่องที่ค่อนข้างธรรมดา แต่ทิศทางที่มีชีวิตชีวาของ Cai วงดนตรีที่ยอดเยี่ยมของเด็ก ๆ และความเฉลียวฉลาดของบท (ส่ง "ความรักชาติ" ของสิงคโปร์เบา ๆ และแม้แต่เรื่องตลกเกี่ยวกับหมากฝรั่ง) ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูสดใหม่อย่างแน่นอน การแสดงเป็นธรรมชาติและน่าพึงพอใจ ทั้งจากเด็กและผู้ใหญ่ และบทสนทนาซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาจีนกลาง ให้ความรู้สึกที่ไม่ถูกบังคับซึ่งหาได้ยากในภาพยนตร์ภาษาจีนกลางเรื่องอื่นๆ จากเกาะ เพลงต่างๆ ก็เช่นกัน ในการเรียบเรียงใหม่  เป็นการเคาะเท้าอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงยกหลังคาระหว่างการทดสอบการแข่งขัน


  👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่

Friday, September 24, 2021

รีวิว High School Musical (มือถือไมค์ หัวใจปิ๊งรัก) ภาค 1 ภาพยนตร์แนวไฮสคูล


วันนี้มาแนะนำหนังเรื่อง  High School Musical มือถือไมค์ หัวใจปิ๊งรัก ภาค 1 หลังจากที่ได้กลับไปดูอีกครั้งเลยอยากชวนทุกคนมาย้อนวัยกด้วยกันอีกครั้ง เป็นภาพยนตร์แนวไฮสคูลที่เอาเรื่องราวของเพลงมาดำเนิอเรื่อง โดยในเรื่องจะเล่าถึง Troy และ Gabriella ที่บังเอิญเจอกันและได้ร้องเพลงด้วยกัน และพวกเขาทั้ง 2 ก็ได้ลงคัดตัวการประกวดร้องเพลงคู่อีกด้วย



เรื่องราวของ ทรอย โบลตัน และ กาเบรียลลา มอนเทซ ได้มาเฉลิมฉลองเทศกาลวันก่อนปีใหม่ในช่วงปิดเทอมคริสต์มาส พวกเขาเริ่มก่อความสัมพันธ์ขึ้นหลังจากที่ร้องเพลง "Start of Something New" ด้วยกันในงานแข่งร้องเพลงคาราโอเกะ และได้แลกเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ให้กัน หนึ่งอาทิตย์ต่อมา แม่ของ กาเบรียลลา ได้ย้ายโรงเรียนให้ลูกสาวไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมอีสต์ไฮ ใน เมืองอัลบูเคอร์คี รัฐนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่ง ทรอย ได้พบกับเธอในชั้นเรียน ระหว่างที่ ทรอย ลองตรวจสอบว่าเป็นคนเดียวกันเมื่อครั้งที่พวกเขาเจอกันที่งานเทศกาล ทรอย จึงลองโทรศัพท์ไป แต่ ทรอย ถูกกักบริเวณ รวมถึง กาเบรียลล่า เพื่อนสนิทของเขาที่ชื่อ แชด แดนฟอร์ท ว่าที่เพื่อนสนิท กาเบรียลลา ที่ชื่อ เทย์เลอร์ และสองพี่น้อง ไรอาน กับ ชาร์เพย์ เอวานส์ หลังจากคาบเรียนแรกเสร็จสิ้น ทรอย และ กาเบรียลลา พบกัน และทักทายกันอีกครั้ง และเดินไปด้วยกันจนได้พบกับใบสมัครลงแข่งขันละครเวทีในฤดูหนาว ชาร์เพย์ ได้เห็นพวกเขาและคิดว่า กาเบรียลลา คงอยากสมัครด้วย เพื่อกำจัดคู่แข่ง ชาร์เพย์ และ ไรอาน ช่วยกันนำบทความที่เกี่ยวกับความประสบความสำเร็จในอดีตของ กาเบรียลลา ไปไว้ในล็อกเกอร์เก็บของของ เทย์เลอร์ โดยในระหว่างที่พวกเขาถูกกักบริเวณ เทย์เลอร์ นึกว่า กาเบรียลลา อยากเข้าร่วมชุมนุมวิทยาศาสตร์ เธอจึงบอกตกลงและยังชวน กาเบรียลลา ให้เข้าร่วมงานแข่งวิทยาศาสตร์กับเธอด้วย และผลของการกักบริเวณยังทำให้ ทรอย และ แชดพลาดการซ้อมบาสเกตบอล ซึ่งทำให้โค้ชโบลตัน มีปากเสียงกับครูดาร์บัส จนทำให้ ทรอย กลับไปซ้อมเหมือนเดิม แต่เขาไม่สามารถที่จะเลิกคิดเกี่ยวกับ กาเบรียลลา ได้



สรุปเป็นภาพยนตร์ที่ดูง่ายไม่ซับซ้อน และเป็นภาพยนตร์ที่มีดราม่าเบามากๆ เหมาะสำหรับใครอยากดูไว้ผ่อนคลาย  กลับมาดูอีกครั้งก็ไม่รู้สึกเบื่อ เป็นความสนุกสนานสนุกสนานของวัยรุ่นที่มีความสามารถหลากหลายและนักแสดงนำโดยเฉพาะนักร้อง เพลงที่ฟังสบายหูและในขณะเดียวกันก็มีเลขแตะเท้า มันได้รับการติดตามลัทธิและแน่นอนว่าสำหรับประเภทของหนังเรื่องนี้ก็สามารถสนุกได้อย่างแน่นอน มันดูสบายๆ กับการแสดงที่ดีของนักแสดงทุกคน และดนตรีที่ดีที่จะทำให้คุณมีส่วนร่วมและสนุกสนานไปกับหนัง


  👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

Thursday, September 23, 2021

รีวิว The Ballad of Buster Scruggs (ลำนำของบัสเตอร์​ สกรั๊กส์)​


แนะนำ The Ballad of Buster Scruggs ภาพยนตร์ของพี่น้องโคเอน เหมือนเรากำลังนั่งอ่านหนังสือเรื่องสั้น 6 เรื่อง และทุกเรื่องไม่ได้มีความสัมพันธ์ต่อกัน แต่ละเรื่องจบลงและมีแง่คิดข้อคิดที่ชวนตลกร้าย รวมไปถึงมุมมองที่แตกต่างกัน ทั้งหมดทำให้ตัวหนังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเราจะเจอเรื่องอะไรในบทถัดไป และจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แม้ว่าจะมีการเกริ่นนำก่อนเริ่มเรื่องก็ตาม วิธีจัดสถานการณ์ให้ตัวละครแต่ละตัวพบเจอในแต่ละบท ยังคงเต็มไปด้วยเอกลักษณ์และสไตล์ของพี่น้องโคเอนเหมือนเดิม ความตลกร้ายเกินคาดเดายังคงมีให้เราอมยิ้มหรือหม่นเศร้า รวมไปถึงตกตะลึงได้เหมือนเดิม 



ตอนที่1​ (The Ballad of Buster Scruggs) นี่คือการเปิดตัวหนัง​ที่โดดเด่น​ เเละฮา​มาก​ นำทุกสไตล์การถ่ายทำที่​เอา​หนังคาวบอย​นั้นมาปน​กับหน​ังเพลง​เเละหนัง​ตลก​ร้าย​สไตล์​เดดพูล​ เเล้ว​ตอนเเรกนี้จะ​บ่งบอก​ว่าคุณจะดูอีก​5 ตอน​ที่เหลือ​นั้น​ไหวหรือเปล่า

ตอนที่2 (Near Algodones) นี่คือตอนที่น่าจะเรียก​เสียง​ฮา​จากคนดูได้มากที่สุดกว่า​ทุกตอนเเล้วละครับ​ ต้องชื่นชม​นักเเสดง​อย่างเจมส์​ ฟรังโก้​ที่ทำตอนนี้​ให้ไม่เบื่อ​เลย​ เล่นมุกได้ฮามากเเละ​ประเด็นที่ต้องการที่จะล้อเลียนเรื่อง​คาวบอย​ทำออกมาได้ละเอียด​เเละ​คารวะ​หนังคาวบอยในอดีตอีกด้วย

ตอนที่​3 (Meal Ticket) เป็นตอนที่ปูมาดี​ตั้งเเต่​ต้นเเต่​จบ​เเบบ​ทำร้ายจิต​ใจคนดูมาก​ การเเสดง​ของ​ทุกตัวละครเฉิดฉายท่ามกลาง​บรรยากาศ​ที่เหงา​ๆ​ของ​ป่า​เเละการเดินทาง​ออกโชว์มากมาย​ เเล้วขอชื่นชมการตัดต่อที่เป๊ะ​มาก​ครับ​

ตอนที่4 (All gold Canyon)ตอนนี้​คืองานภาพที่​ดีที่สุดของ​ทุกตอนเเล้ว​ เเม้จะมีซีจีที่เเอบลอยอยู่บ้าง​ เเต่​ก็สร้างบรรยากาศ​ที่โดดเดี่ยว​กลางทุ่งหญ้า​ที่เเฝงไปด้วยอันตราย​ จุดนี้​เเสดง​ให้เห็น​ถึงความ​เป็นคาวบอยได้ค่อนข้างละเอียด​

ตอนที่​5 (The Gal who got rattled)​ ตอนนี้อาจจะดูเนือยๆ​ เเต่ด้วย​การเเสดง​ที่เหนือชั้น ก็ทำให้​ทุกฉาก​นั้น​เสียดสีเรื่องสังคมออกมาได้ทรงพลัง​เเละ​จะมีฉากเเอ็คชั่นที่อาจจะ​ไม่ได้มีสเกล​ที่ใหญ่​เเต่​ก็มันส์อยู่​นะ​

ตอนที่​6 (The Mortal Remains) ตอนนี้หลายคนอาจจะ​เฉยๆ​เพราะว่า​จะเป็นการสนทนา​ระหว่าง​หลายๆ​ตัวละคร​ที่มาพบหน้า​กัน​ เเต่​สิ่งที่โดดเด่น​คือการเเสดง​ของนักเเสดง​ที่เพิ่มความน่าสนใจของหนัง​ให้มี​มากขึ้น​เเละ​ใช้บทพูดที่เข้าถึงง่าย​กับคนดู​ เเต่​ตอนนี้​จะเป็นตอน​ที่​ใช้สมอง​ในการดูเยอะที่สุดใน​ทุกตอน​



สรุปไดอะล็อกและลีลาท่าทาง บทภาพยนตร์ยังคงเรียกสีสัน และทำให้เราร่วมเพลิดเพลินตลอดการรับชม และพร้อมที่จะพบกับความไม่คาดฝันต่างๆนาๆอยู่ตลอดเวลา ตัวหนังเต็มไปด้วยฉากเซอร์ไพรส์ที่ช่วยกระตุ้นให้เรื่องราวแต่ละตอนมีเสน่ห์เฉพาะตอนนั้น  เรื่องราวสุดเจ๋ง การเล่า การถ่ายภาพ และการตัดต่อ รวมถึงบทเพลง ที่ได้กลิ่นอายตะวันตกโบราณชวนคิดถึงมาก ๆ ใครที่เคยได้ยินว่าดินแดนตะวันตกมันเต็มไปด้วยเรื่องสุดแสนโรแมนติกแล้วไม่เข้าใจ ลองดูเรื่องนี้เลยครับเป็นหนังที่โคตรดีครับอยากให้ลองชมดู มีฉายทางเน็ตฟลิกซ์แล้ว


👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา ได้ที่นี่

Wednesday, September 22, 2021

รีวิว CODA (2021) ผู้ชนะซันแดนซ์เพราะชุมชนคนหูหนวกรักในเสียงดนตรี และความอัศจรรย์ของวัย

แนะนำภาพยนต์แนวเพลงดนตรี   CODA (2021)  รูบี้เป็นคนหูหนวกเพียงคนเดียวในครอบครัวที่หูหนวกของเธอ เมื่อธุรกิจประมงของครอบครัวถูกคุกคาม รูบี้พบว่าตัวเองต้องแยกทางระหว่างการไล่ตามความรักในเสียงเพลงกับความกลัวที่จะละทิ้งพ่อแม่


เรื่องราวของ รูบี้  (เอมิเลีย โจนส์ ผู้ร่าเริง) เป็นสมาชิกคนเดียวของครอบครัวหูหนวกจากเมืองกลอสเตอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่ออายุ 17 ปี เธอทำงานตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนเพื่อช่วยพ่อแม่และพี่ชายของเธอให้ทำธุรกิจประมงให้อยู่รอด  เธอเป็นสะพานเชื่อมครอบครัวของเธอสู่โลกแห่งการได้ยิน ตอนนี้ความปรารถนาที่จะร้องเพลงของเธอที่ตื่นขึ้นใหม่อาจเป็นสิ่งหนึ่งที่พวกเขาจะพยายามทำความเข้าใจมากที่สุด แต่ในการเข้าร่วมชมรมนักร้องประสานเสียงของโรงเรียนมัธยมเธอ รูบี้พบว่าตัวเองดึงดูดทั้งคู่หูคู่หูและความหลงใหลในการร้องเพลงที่ซ่อนเร้นของเธอ

 

สรุปแล้วเป็นการออดิชั่นร้องเพลงที่ยอดเยี่ยมพลิดเพลินกับโอกาสที่จะแสดงความชัดเจนของภาษามือ (ภาพยนตร์เรื่องนี้มีซับไตเติ้ลอย่างกว้างขวาง) นักแสดงทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว ฉากชายฝั่งทะเลที่มีปกสีน้ำเงินเป็นที่รู้จักอย่างมั่งคั่ง และความเหนียวแน่นของครอบครัวก็แน่นแฟ้นขึ้น และถ้าการโต้ตอบบางอย่างเปลี่ยนไปเป็นจังหวะที่คิดโบราณของซิทคอม ความพยายามของ Ruby ในการแบ่งปันความสามารถทางดนตรีของเธอ (โดยเฉพาะในฉากที่น่ารักฉากหนึ่งกับพ่อของเธอ) ก็ส่งผลกระทบอย่างน่าทึ่ง เป็นตัวละครที่หูหนวกที่มีประสิทธิภาพ (ซึ่งแสดงโดยนักแสดงหูหนวกทั้งหมด) แม้ว่าดนตรีจะเป็นองค์ประกอบที่แข็งแกร่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่ได้บดบังการเล่าเรื่องหลักเลย


 👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้  ได้ที่นี่

Monday, September 20, 2021

รีวิว CARNAVAL (คาร์นิวัล ลืมรักให้โลกจำ) ชีวิตคือการแล่นเรือไปเรื่อยๆ

 

แนะนำหนังเพลงดนตรีคอมเมดี้เบาสมองจากบราซิลอย่าง CARNAVAL คาร์นิวัล ลืมรักให้โลกจำ ด้วยนินา (จีโอวานา คอร์ดิเอโร – Giovana Cordeiro) เซเลบออนไลน์ที่ดันไปเจอคลิปเสียวของแฟนหนุ่มว่อนโซเชียล แต่จะช้ำใจแล้วหมกตัวก็ดูจะเสียเซลฟ์นางเลยจัดทริปดามใจชวนเพื่อนไปงานคาร์นิวัลที่เมืองซาวาดอร์ที่เหล่าสาว ๆ ต่างประชันความเซ่็กซี่ตัวแม่อย่างพวกเธอเลยต้องอัปสกิลความยั่วแบบฟาดได้ฟาด



เรื่องราวเธออยากเป็นคนดังในโลกโซเชียลและมีแฟนสุดฮอต โดยเป้าหมายของเธอคือคนติดตาม 1 ล้านคน เมื่อหญิงสาวผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียลจะต้องแยกทางจากแฟนของเธอ หลังจากนั้น อินฟลูเอนเซอร์สาวได้ชวนเพื่อนไปเที่ยวในงานเทศกาลคาร์นิวัลในซัลวาดอร์รัฐบาลเอีย ก่อนที่เธอจะเดินทางไปยังบาลเอีย มีหมอดูทักเธอจะได้เดินทาง และการเดินทางครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตเธอ "ในภารกิจพิชิตทุกอย่าง คุณอาจจะเสียคนที่คุณรักจริงๆไป"จึงทำให้เธอได้เข้าใจถึงความจริงที่ว่าผู้คนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้เข้าถึงสื่อโซเชียลอย่างแท้จริง และรู้ถึงความหมายของชีวิตของเขากับเพื่อนสาว


สรุปแล้วหนังน่าสนใจด้วยภาพงานคาร์นิวัลสุดร้อนแรงของบราซิลพ่วงด้วยสาวอเมริกาใต้ทรงเสน่ห์ และหนุ่มหล่อผิวเข้มที่เชื่อได้ว่าสาว ๆ จะต้องถูกใจกับเรื่องราวมิตรภาพมาพร้อมความวุ่นวายของเพื่อนๆนีน่าและความโรแมนติกระหว่างเดินทางไม่่มากก็น้อยเลยทีเดียวค่ะ ที่สำคัญหนังยังพูดถึงการเหยียดเพศ เหยียดผิวในคนชาติเดียวกัน ทำให้เห็นว่าการดูถูกคนอื่นจะทำให้ไม่เหลือใครที่จะอยู่ข้างๆเรา เนื้อเรื่องเบา เรื่อยๆ และตื่นตาตื่นใจไปกับแสงเสียงงานเทศกาลคาร์นิวัลที่มีรถแห่ คล้ายๆบ้านเราเลยค่ะ หากใครชอบหนังแนวนี้ไม่ควรพลาดค่ะ


 👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่


Sunday, September 19, 2021

รีวิว Everybody's Talking About Jamie ทุกคนกำลังพูดถึงเจมี่

แนะนำมิวสิคัลภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ เจมี่วัย 16 ปีอยากเป็นแดร็กควีน “Everybody's Talking About Jamie” แทนที่จะใฝ่หาอาชีพแบบเดิมๆ เขาฝันที่จะเป็นแดร็กควีน เจมี่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับอนาคตของเขาอย่างหนึ่ง เขาจะต้องเป็นที่รู้จักอย่างแน่นอน ได้รับการสนับสนุนจากแม่ที่รักและเพื่อนที่น่าทึ่งของเขา เจมี่เอาชนะการเลือกปฏิบัติการกลั่นแกล้งและกลั่นแกล้งเพื่อก้าวออกจากความมืดมิดและเข้าสู่สปอตไลท์ภาพยนตร์เพลงแนวเวสต์เอนด์ที่ชวนให้นึกถึงการแสดงแดร็กที่แท้จริงของเจมี่เพียงชั่วครู่เท่านั้น แต่การแสดงอันน่าตื่นเต้นในวัยหนุ่มจากใจจริงนี้ให้ความบันเทิงมากมาย



โดยเรื่องราว เจมี่ (แม็กซ์ ฮาร์วูด) แดร็กควีนผู้ทะเยอทะยาน แม้ว่าเขาจะออกไปเรียนอย่างสบายๆ ในโรงเรียนมัธยมที่อับจน แต่เขาก็ยังรู้สึกโกรธที่คนพาลเป็นครั้งคราวหรือครูหัวโบราณ (ชารอน ฮอร์แกนที่ขมขื่นอย่างฉลาด) ส่วนใหญ่มันจะกลิ้งออกไป ต้องขอบคุณ มาร์กาเร็ต (ซาร่าห์ แลงคาเชียร์) มารดาที่คอยสนับสนุนเป็นอย่างดีเยี่ยม และพริตติ (ลอเรน พาเทล) เพื่อนรักที่เป็นหนอนหนังสือ ในวันเกิดปีที่สิบหกของเจมี่ แม่ของเขาทำให้เขาประหลาดใจด้วยรองเท้าส้นสูงสีแดงเป็นประกายคู่หนึ่ง ซึ่งเป็นรองเท้าที่เขาเก็บไว้ใช้เอง



โดยสรุปเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการสร้างตัวตนให้เป็นจริงของเจมี่มากกว่าการลากตัวเรืองแสง ซึ่งเราเห็นในฉากเดียวเท่านั้น “A Star Is Born” ใช้เวลาในคลับแดร็กมากกว่าที่ “Jamie” ทำ แม้ว่าจะพูดถึงเรื่องนี้มากกว่าก็ตาม ด้วยเรื่องราวเพียงเล็กน้อยที่จะดำเนินต่อไป จึงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเจมี่ประสบความสำเร็จในความพยายามของเขาหรือไม่ แม้ว่าจากตัวอย่างสั้นๆ ที่เราได้เห็น ดูเหมือนว่า RuPaul อาจบอกเจมี่ว่า “หยุดพึ่งพาร่างนั้นได้แล้ว” หัวใจของภาพยนตร์เรื่องนี้คือความสัมพันธ์ของเจมี่กับแม่ของเขานั่นเอง


 👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

Saturday, September 18, 2021

แนะนำภาพยนต์ The Prom นำเสนอประเด็นการต่อสู้เพื่อสิทธิของ LGBTQ

วันนี้มีหนังมิวสิคัล  The Prom  งานพรอม ที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียง ฉูดฉาด ตระการตา เอาใจคน LGBT โดยผู้กำกับ ไรอัน เมอร์ฟี่ ที่มีผลงานจาก Glee ตัวหนังเป็นการเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและความหลากหลายทางเพศ รวมถึงแฝงการจิกกัดสังคมอเมริกัน ใส่ความดราม่าปนตลกแบบมิวสิคคอล ซึ่งแทบจะเป็นลายเซ็นต์ของผู้กำกับรายนี้ไปแล้วแทบทุกเรื่อง และทำได้ดีในการเรียกร้องให้คนในครอบครัวหันมาพูดจากัน 



เรื่องราวสุดวุ่นวายนี้เริ่มขึ้น เมื่อโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งในในอินเดียนนา ได้มีแผนที่จะสั่งยกเลิก “งานพรอม” ซึ่งถือว่าเป็นงานเลี้ยงส่งท้ายจบการศึกษาระดับไฮสคูลที่จะจัดกันในทุกโรงเรียนของสหรัฐ และถือว่าเป็นงานสำคัญครั้งสุดท้ายที่เหล่าหนุ่มๆสาวๆจะได้โอกาสร่วมปาร์ตี้อย่างสุดเหวี่ยง พร้อมโชว์ความเริดหรูอลังการ นี่จึงเป็นงานที่นักเรียนไฮสคูลในสหรัฐทุกแห่งตั้งเป้าจะเฉดฉายให้ได้สักครั้ง แต่แล้วงานของโรงเรียนแห่งหนึ่งกลับถูกให้ยกเลิกโดยสมาคมครูและผู้ปกครอง เพราะสาเหตุจากการแอนตี้ เอ็มม่า สาวน้อยที่เปิดตัวว่าเป็นเลสเปี้ยนและจะพาแฟนสาวมาในงานพรอม ต่ทางครูใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย จึงทำให้ต้องมีการถกเถียงอีกครั้ง แล้วเรื่องก็กลายเป็นข่าวใหญ่ ในขณะเดียวกัน อดีตสตาร์ดังของวงการบอรดเวย์สี่คน ที่เป็นนักร้อง นักแสดง นักเต้น นักแต่งเพลง ที่เป็นพวกหลงตัวเองสุดขั้ว ก็ทราบข่าวเรื่องการยกเลิกงานพรอม พวกเขาจึงเห็นเป็นโอกาสที่จะพาพวกตนเองมาเป็นจุดสนใจอีกครั้ง 



อย่างไรก็ตามหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ปลอมประโลมใจของชาว LGBTQ ด้วยการสร้างฉากไคลแมกซ์อันเป็นงานพรอมในฝันที่ใครก็ตามสามารถจูงมือ “คู่ครอง” ของตัวเองมาร่วมงานได้ แต่โลกแห่งเป็นจริงบรรดาเกย์ทั่วโลกยังต้องต่อสู้อยู่กับความไม่เข้าใจเหล่านี้ทุกวี่วัน ดังนั้นหนัง (หรือละครเพลง) จึงไม่ต่างอะไรจากคำกล่าวของตัวละครครูใหญ่ทอม ฮอว์กินส์ (คีแกน ไมเคิล คีย์) ที่พูดเอาไว้ว่า อย่างน้อยโรงละครก็คือพื้นที่ที่พาผมหลุดลอยจากความจริงอันแสนโหดร้ายไปสักสองสามชั่วโมงก็ยังดี”


👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา ได้ที่นี่


Friday, September 17, 2021

รีวิว Glee (กลี) ผสมผสานความเป็น musical

แนะนำซีรีส์มิวสิคัล  Glee  เป็นซีรีส์วันรุ่นที่ผสมผสานความเป็น musical บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นแห่งโรงเรียนมัธยมปลาย William Mckinley High School ที่รวมตัวกันก่อตั้งวงประสานเสียงที่ชื่อว่า New Direction ฝึกซ้อมโดยครูสอนภาษาสเปน Will Schuester ซึ่งคุณครูและเด็ก ๆ ต่างก็มีเป้าหมายของทีมเดียวกันก็คือ การชนะการประกวดร้องเพลงในระดับประเทศ ทุกคนตั้งใจฝึกซ้อมกันเป็นอย่างมาก


เรื่องราวของชีวิตในวัยมัธยมได้อย่างครอบคลุมในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว เพื่อน ความรัก หรือแม้แต่เรื่องเพศ โดยในซีรี่ย์ก็ได้พูดถึงกลุ่ม LGBT ผ่านตัวละคร อย่าง Kurt ที่มันจะโดนเพื่อนผู้ชายแกล้งเพียงเพราะว่าเขานั้นเป็นเกย์ ในตอนแรกเขาก็ลำบากใจมากเพราะพ่อเขาเองก็ไม่ทราบว่าเขาเป็นเกย์ แต่เมื่อเขากล้าที่จะบอกพ่อทำให้เขามีความมั่นในใจตัวเองได้มากขึ้น และเหนือสิ่งอื่นใดที่ดีสำหรับเขาเลยก็คือ การที่พ่อเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็นนอกจากตัวละครที่เป็น LGBT แล้ว ซีรี่ย์ก็ยังนำเสนอตัวละครที่เป็นผู้พิการ มีทั้งคนที่ต้องนั่งบนรถเข็น และเป็นดาวน์ซินโดรม โดยเล่าออกมาให้เราได้เข้าใจบุคคลเหล่านี้มากขึ้น ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะไม่พร้อมแต่เขาก็มีพรสวรรค์ที่จะทำให้ทุกคนต้องตะลึงอย่างแน่นอน


สำหรับภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่เป็นแนว musical เมื่อดูแล้วเชื่อว่าทุกคนจะต้องหลงรักความเป็น Glee อย่างแน่นอน และบทเพลงที่นำมาร้องก็มีไม่ซ้ำ รับรองได้เลยว่าร้องตามได้แน่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพลงของ Britney Spear, Michael Jackson, Katy Perry หรือ Lady Gaga การนำบทเพลงต่าง ๆ มาขับร้อง มาเต้น โดยบทเพลงมีหลากหลายทั้งเพลงของนักร้องที่เป็นตำนาน หรือเพลงที่โด่งดังในช่วงเวลานั้น บอกได้เลยว่าทีมนักแสดง และผู้กำกับจัดเต็มกับทุกฉากที่มีการร้องมาก เล่นใหญ่สุด ๆ


👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่

Thursday, September 16, 2021

รีวิว BOHEMIAN RHAPSODY (โบฮีเมียน แรปโซดี) Queen วงร็อคระดับตำนาน

ขอแนะนำภาพยนต์  Bohemian Rhapsody   เพราะด้วยความเป็น Queen วงร็อคระดับตำนาน เข้าทำออกมาได้ทุกใจคนดูและได้รู้ถึงตัวตนของแต่ละคน เรื่องราวในหนังจะบอกเล่าเรื่องราวทั่งหมด ผ่านพวกเขาทั้ง 4 ผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ตั้งแต่เริ่มตั้งวง จนกระทั่งโด่งดังเป็นดาวค้างฟ้าเฉกเช่นทุกวันนี้ โดยในเรื่องจะเดินเรื่องโดยหลักๆคือ เฟรดดี้ เมอร์คูรี นักร้องนำของวง ที่จะเล่าเรื่องราวในชีวิตส่วนตัวเขาทั้งครอบครัว คนรัก รวมถึงอุปนิสัยที่ยากจะหยั่งถึงของเจ้าตัว


เรื่องราวในแง่มุมที่ไม่เคยรู้เห็นมาก่อนอย่างเช่น เฟรดดี้ เคยมีความรักกับผู้หญิง และเขาไม่สมาชิกดั้งเดิมของวง ได้เห็นเบื้องหลังการสร้างสรรค์บทเพลงอมตะอย่าง Bohemian Rhapsody ที่กว่าจะสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย ได้รู้ที่มาของเพลงฮิตอย่าง We Will Rock You , Another One Bite Of Dust ที่มาจากมันสมองของไบรอัน เมย์ และ จอห์น ดีคอน ไม่ใช่ว่าทุกเพลงฮิตจะมาจากเฟรดดี้ เมอร์คิวรี่เท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาคือมันสมองและเป็นสีสันฉูดฉาดของวง หนังสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของคำว่าเพื่อนแท้ และครอบครัว ที่เข้าใจและยอมรับในตัวของเฟรดดี้ว่า มันส่งผลต่อชีวิตคนเรามากน้อยแค่ไหน และยังจิกกัดพวกที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ผลประโยชน์ที่มาคอยกัดกินเราอีกด้วยหนัง casting นักแสดงมาได้ดีมากๆ การแสดงของ "รามี่ มาเลค" คือโคตรเข้าถึงอินเนอร์ ทำให้เราเชื่อจริงๆ ได้ว่านี่แหละคือเฟรดดี้ ส่วนนักแสดงสมทบทั้ง 3 ที่เป็นเพื่อนๆ ในวงนั้น ถามไถ่จากคนที่เป็นแฟนๆ วงควีนแล้ว ต่างพูดเป็นคนละเสียงแต่ความหมายเดียวกันว่าโคตรเหมือน



สรุปสิ่งที่หนังขาดหายไปด้วยสเกลหนังที่ค่อนข้างกว้าง แค่นี้ก็ใช้เวลาไป 2 ชั่วโมงกว่าแล้ว ทำให้หนังไม่ได้เจาะลึกลงไปในจิตใจเฟรดดี้มากกว่านี้ ทั้งๆ ที่ประวัติของตัวเฟรดดี้เอง สามารถขยี้ให้เราอินและร้องหนักๆ ได้เลย เป็นจุดที่ทำให้หลายๆ คนไม่อิน ว่าทำไมเฟรดดี้ถึงเป็นคนแบบนี้ เป็นคน crazy สุดโต่งขนาดนี้ได้  อย่างไรก็ตามเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของหนังดราม่าชีวประวัติกับหนังเพลง แม้จะเป็นเรื่องราวของวงควีน ได้ฟังเพลงฮิตมากมายบนจอ แต่หนังก็ไม่ได้อัดเพลงมาแน่นจนเกินไป ไม่มีเพลงไหนที่ใส่มาเต็ม ๆ จนจบเพลง แต่ก็ไปปล่อยเต็มในฉากไลฟ์เอดท้ายเรื่องที่ให้เราได้ฟังควีนเล่นหลายเพลงฮิตยาวเป็นเมดเลย์กันแบบจุใจ รักเฟรดดี้ ชอบควีน ไม่ควรพลาดนะค่ะ 


 👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ดูหนังผี ได้ที่นี่

 


Wednesday, September 15, 2021

รีวิว Pitch Perfect 2012 ชมรมเสียงใส ถือไมค์ตามฝัน ภาค 1


แนะนำภาพยนต์  Pitch Perfect ชมรมเสียงใส ถือไมค์ตามฝัน หากคุณกำลังมองหาหนังที่มีเพลงเป็นธีม แต่รู้สึกเบื่อๆกับรูปแบบเดิมๆ ผมอยากแนะนำเรื่องนี้ครับเพราะเพลงที่คุณจะได้ฟังทั้งหมดในเรื่องนี้ ไม่มีเครื่องดนตรีเรียกได้ว่าใช้เสียงคนล้วนๆ ดนตรีประเภทนี้เรียกง่ายๆว่า Acapella



โดยเรื่องราว เมื่อเบก้านำคณะนักร้องอะคูสติกก้าวพ้นจากการเรียบเรียงเพลงแบบดั้งเดิมและท่วงทำนองประสานที่เพอร์เฟคท์ เพื่อเข้าสู่การผสมผสานเพลงในรูปแบบใหม่ พวกเธอก็ต้องต่อสู้ฟาดฟันเพื่อไต่ขึ้นไปถึงระดับสูงสุดของโลกที่เชือดเฉือนกันของแวดวงอะแคปเปล่าระดับมหาวิทยาลัยนี่อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เจ๋งที่สุดที่พวกเธอจะได้ทำหรืออาจจะเป็นสิ่งที่เพี้ยนที่สุด และบางทีมันอาจเป็นทั้งสองอย่างก็ได้นะ



สำหรับหนังวัยรุ่นแนวเพลง หากคุณชอบอะไรแปลกใหม่แนะนำเลย เรื่องนี้จะทำให้คุณได้รู้จักกับดนตรีแนว Acapella ที่หาฟังยากมากๆสำหรับเมืองไทย เริ่มต้นเรื่องโดยการรวมทีมเพื่อไปแข่งขันประกวดร้องเพลง สร้างเรื่องดราม่าให้คนในทีมผิดใจกันและสุดท้ายก็ต้องมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกัน แต่เนื่องด้วยหนังเรื่องนี้มีเพลงเป็นธีมมันทำให้คนดูไม่ค่อยได้สนใจเนื้อเรื่องมากนัก หรือ เนื้อเรื่องมันอาจจะธรรมดาเกินไป แต่ที่ทำให้หนังเรื่องนี้สนุกนั้นก็เป็นเพราะแต่ละเพลงที่หนังเรื่องนี้หยิบออกมาร้องนั้นเพราะมากๆ และการร้องแบบ Acapella ที่ไม่ใช้เครื่องดนตรีมันทำให้หนังเรื่องนี้แตกต่าง และเพลงที่เราได้ฟังในเรื่องมันทำให้คนดูติดหูกันเลยทีเดียว เชื่อว่าหลายคนถ้าดูจบต้องไปหาฟังเพิ่มแน่นอน


👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ  รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่

Tuesday, September 14, 2021

รีวิว Imitation เบื้องหลังของการเป็นไอดอล

 

วันนี้เราจะมาแนะนำซีรีส์แนวดนตรีคอมเมดี้  Imitation เส้นทางสู่ความฝันของการเป็นไอดอล ไปทำความรู้จักกับหนุ่มหล่อ ควอนรย็อก หนุ่มบอยแบนด์วง Shax และสาวเกิร์ลกรุ๊ป อีมาฮา จากวง Teaparty กับเบื้องหลังของการเป็นไอดอลของพวกเขา กว่าจะเป็นศิลปินได้ต้องผ่านอุปสรรคและเรื่องราวต่างๆ มากมาย ทั้งผิดหวัง เสียใจ และร้องไห้



โดยเรื่องราวการถ่ายทอดเส้นทางการเป็นไอดอลของอีมาฮา (รับบทโดย จองจีโซ) เด็กสาวผู้ใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นศิลปินไอดอลที่มีชื่อเสียง แต่เส้นทางการเป็นไอดอลของเธอนั้นไม่ใช่ง่าย ๆ เธอต้องเจอกับอุปสรรคมากมายและความผิดหวังในหลายครั้ง ควอนรย็อก (รับบทโดย อีจุนยอง) สมาชิกบอยแบนด์วง Shax ที่มีความสามารถหลายด้านไม่ว่าจะเป็นด้านการแสดง ร้องเพลงและเต้น จึงทำให้เขาได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก



สำหรับกรีนซีรีส์เรื่องนี้ถือเป็นซีรีส์ที่ดีอีกเรื่องเลยนะคะเป็นการสะท้อนชีวิตของเหล่าไอดอลได้ดีมาก ตัวเนื้อเรื่องมีการแทรกข้อคิดในเรื่องของการอดทน การรอคอย และการไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งต่าง ๆ กรีนเชื่อว่าศิลปินหลาย ๆ คนกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ นะคะ และอีกเหตุผลที่ต้องดูซีรีส์เรื่องนี้คือนักแสดงทุกคนงานดีมากกกก สำหรับใครที่ชอบนักแสดงงานดี เนื้อเรื่องดำเนินเร็วแนมดนตรี มีดราม่านิดหน่อยแนะนำเรื่องนี้มากค่ะ


👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่


Sunday, September 12, 2021

รีวิว Julie And The Phantoms (จูลี่กับปีศาจ) หนังไฮสคูลที่คนรักเสียงเพลงจะต้องชอบ


ขอแนะนำหนังมิวสิคัลเรื่อง Julie And The Phantoms หนังไฮสคูลที่คนรักเสียงเพลงจะต้องชอบ เป็นแนว Coming of Age ที่เล่าเรื่องราวชีวิตวัยรุ่นที่ต้องการทำตามความฝันที่กลมกล่อมและดีเยี่ยมเรื่องหนึ่ง พล็อตเรื่องอาจจะดูสำเร็จตามกรอบเหมือนหนังไฮสคูลทั่วไป แต่การใส่ความเป็นมิวสิคัลลงไปทำให้หนังมีเสน่ห์และทรงพลังมากขึ้น ใครที่ตามหาหนังสร้างแรงบันดาลใจแนวฟีลกู้ดบอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่ทำให้ผิดหวังดีต่อใจมาก 



เรื่องราวของเด็กสาวไฮสคูลอย่าง “จูลี่” เธอสูญเสียแม่ไปอย่างกะทันหัน แต่เดิมเธอเป็นเด็กสาวที่รักและคลั่งไคล้ในเสียงดนตรีอย่างที่สุด แต่เหตุการณ์สะเทือนใจในครั้งนี้ทำให้เธอไม่สามารถกลับมาเล่นดนตรีได้อีก จนกระทั่งเธอบังเอิญไปเจอกับแผ่นซีดีเดโมของวงร็อคที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรนัก และเปิดมัน จนเป็การปลุกวิญญาณของเด็กหนุ่มวันไล่เลี่ยกับเธออย่าง ลุค, อเล็กซ์, เรจจี้ อดีตสมาชิกวง Sunset Curve ที่ต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่รู้ตัวก่อนที่จะได้ทำตามความฝันอย่างการขึ้นเล่นคอนเสิร์ต



สำหรับซีรี่ส์ความยาวทั้งหมด 9 ตอนนี้มีความยาวไม่มาก สามารถดูจบได้อย่างเพลิดเพลินด้วยเพลงใหม่ที่คัดสรรมาอย่างดีในแต่ละตอนรวม 15 เพลง มีทั้งเพลงแบบป๊อปร็อคยุค 90s แบบที่วง Sunset Curve เล่น รวมไปถึงเพลงสไตล์มิวสิคัล และเพลงเต้นรำที่ออร์เตก้าถนัด และแม้จะเป็นเพลงที่ดูเหมือนจะไม่เอื้อกับการออกแบบท่าเต้นนัก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างในฉากเพลงและบนเวทีถูกออกแบบมาอย่างดีให้แต่ละตอนไม่ซ้ำซากจำเจ


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ  รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่

Saturday, September 11, 2021

รีวิว Cinderella (2021) ซินเดอเรลล่าเวอร์ชั่น 2021 นี้ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีอย่างที่คาดหวัง


แนะนำภาพยนต์  Cinderella (2021) ภาพยนตร์อเมริกันโรแมนติกมิวสิคัลดัดแปลงจากเทพนิยายในชื่อเดียวกันของ Charles Perrault เขียนบทและกำกับโดย เคย์ แคนนอน ภาพยนตร์เรื่องที่สองของเธอที่นำนักแสดงทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่ามาโคจรกันในสไตล์ของละครเวทีตู้เพลง และการเดบิวต์การแสดงครั้งแรกของ กามิลา กาเบโย นักร้องสาวเสียงเพราะที่รับบทเป็นนางซินปี 2021 หลังจากที่ดิสนีย์ได้สร้างเวอร์ชั่นจากอนิเมชั่นของตัวเองจนประสบความสำเร็จ 



โดยเรื่องราว ณ หมู่บ้านแห่งแฟชั่นที่ทุกคนแต่งตัวมีภูมิฐานและถูกปกครองโดยพระราชาโรแวนจอมเฮี้ยบ ซินเดอเรลล่าที่อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงใจร้ายอย่างวิเวียน และลูกสาวสองคนพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้ตัวเองมีชื่อในฐานะดีไซเนอร์ผู้ออกแบบชุดที่สวยที่สุดในหมู่บ้าน แต่ทว่าเธอก็ถูกกดหัวไว้ภายใต้การดูแลของครอบครัวที่ไม่อบอุ่นของเธอ กระทั่งวันหนึ่งเธอได้พบกับเจ้าชายโรเบิร์ต เจ้าชายผู้เชื่อมั่นในตัวเองและรักการทำงานไปเรื่อย ๆ จนไม่สนใจการหาคู่ครองและแอบหนีจากปราสาทมาเพื่อตามหารักแท้ ระหว่างที่ความรักและความฝันเริ่มสุกงอม ความหวังทั้งหมดก็ถูกทำลายลง แต่ซินเดอเรลล่าไม่รู้เลยว่าในคืนหนึ่งนั้น มันจะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้เธอเชื่อว่าความฝันนั้นเป็นจริงได้ ขอแค่เชื่อมั่นในตัวเองก็พอ



สรุปทั้งบทที่ไม่มีความสม่ำเสมอ การแก้ปมแบบง่าย ๆ ขอไปที มุกตลกที่แป้กส่วนมาก การถ่ายทำและมุมกล้องที่ธรรมดาเกินไปสำหรับหนังมิวสิคัล ก็ยังมีประเด็นร่วมสมัยที่น่าสนใจกว่าเวอร์ชั่นก่อน ๆ พร้อมการแสดงของนักแสดงที่ดีตามมาตรฐานแต่เกินคาดสำหรับการแสดงครั้งแรกของนักร้องสาว กามิลา กาเบโย เพลงประกอบที่ไพเราะของนักแสดง และเนื้อเรื่องที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย ถือเป็นซินเดอเรลล่าที่แปลกใหม่ที่พอจะเปิดดูเอาผ่าน ๆ ขำ ๆ ในวันหยุดได้


 👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ หนังการ์ตูน ได้ที่นี่

13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix

 13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix เรื่องราวของ อีแวนด์ โกลด์แมน เด็กหนุ่มที่ย้ายมาจากโรงเรียนในนิวยอร์คตามครอบครัว ...