Tuesday, November 30, 2021

รีวิว The Hymn of Death (เพลงรักหัวใจสลาย)

The Hymn of Death (เพลงรักหัวใจสลาย) ละครสั้นแนวเมโลดราม่าเรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องราวจากชีวิตจริงของนักร้องหญิงโซปราโนคนแรกของเกาหลี ยุนชิมด็อก (รับบทโดย ชินฮเยซอน) และคนรักของเธอ คิมอูจิน (รับบทโดย อีจงซอก) นักเขียนบทละครอัจฉริยะ ในยุคที่เกาหลีถูกประเทศญี่ปุ่นยึดครอง เธอได้เข้าอัดเพลง “Praise of Death” ซึ่งกลายเป็นเพลงป็อปเพลงแรกของประเทศเกาหลีเกิดขึ้นในปี 1926 และโชคชะตาความรักของพวกเขาทั้งคู่จบลงด้วยความเศร้า


เรื่องราว คิมอูจิน เติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะ พ่อของเขายอมให้เขาได้เรียนคณะวรรณกรรมที่ญี่ปุ่นตามต้องการ แต่เมื่อเรียนจบกลับมาเกาหลีจะต้องเลิกงานเขียนและมาบริหารธุรกิจครอบครัว ในขณะที่เรียนที่ญี่ปุ่น อูจินและเพื่อนชาวเกาหลีได้รวมตัวกันเขียนบทละครและฝึกซ้อมการแสดงเกี่ยวกับการปลูกฝังความรักชาติเกาหลี เนื่องจากตอนนั้นเกาหลีตกเป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่น และถูกจำกัดอิสรภาพหลายด้านยุนชิมด๊อก นักเรียนทุนคณะร้องเพลงได้มีโอกาสเข้ามาเป็นส่วนนึงในการแสดงของอูจิน ทั้งสองมีทัศนคติหลายอย่างที่ตรงกัน และเริ่มแอบชอบกันเงียบๆ หลังจากกลับมาเกาหลีเพื่อเปิดการแสดงของพวกเขา อูจินได้เชิญทุกคนไปที่บ้านของเขา และนั้นทำให้ชิมด๊อกได้รู้ว่า อูจินมีภรรยาแล้ว ทั้งสองยุติความสัมพันธ์ที่ยังไม่ได้เริ่มแต่เพียงเท่านั้น



ผ่านไป 5 ปี อูจินกลับมาบริหารธุรกิจครอบครัว เขาแอบเขียนบทละครไม่ให้พ่อรู้ วันหนึ่งเขาได้บังเอิญอ่านหนังสือพิมพ์พบว่า ชิมด๊อกได้เปิดการแสดงร้องเพลงที่โรงละครที่เธอเคยขอร้องเขาในอดีตว่า หากวันหนึ่งเธอมาร้องเพลงที่นี้ให้เขามาดูการแสดงของเธอด้วย อูจินไปดูการแสดงของชิมด๊อก เมื่อชิมด๊อกเห็นอูจิน เธอรีบตามเขาไปและแสดงออกอย่างชัดเจนว่ายังรักเขาอยู่ ทั้งสองแอบพบกันบ่อยๆ จนพ่อของอูจินรู้เข้าและไม่พอใจมาก พ่อของอูจินสั่งให้เขาหยุดความสัมพันธ์กับชิมด๊อก และงานเขียนที่แอบทำทั้งหมด อูจินตัดสินใจออกจากบ้านไปญี่ปุ่นกับชิมด๊อก ส่วนชิมด๊อกหลังจากตัดสินใจไปญี่ปุ่นกับอูจิน เธอก็ถูกกดดันจากข่าวลือเสียๆหายๆ อีกทั้งยังถูกบังคับให้ร้องเพลงให้รัฐบาลที่สนับสนุนญี่ปุ่นอีก ความรักที่ไม่อาจสมหวังและแรงกดดันจากครอบครัวมากจนพวกเขาเกินจะทนไหว


โดยภาพรวมมินิซีรีย์ 3 ตอนที่เล่าเรื่องราวช่วงที่เกาหลีตกเป็นเมืองขึ้นญี่ปุ่น การขาดอิสรภาพในการตัดสินใจของผู้คน ไม่ว่าจะฐานะร่ำรวยหรือยากจน ความคาดหวังจากครอบครัวก็เป็นแรงกดดันมหาศาลที่บางคนไม่สามารถทนรับไหว พระเอกที่ต้องรับภาระบริหารธุรกิจครอบครัว หรือนางเอกที่ต้องแบกรับเรื่องเงินของครอบครัว ทั้งสองไม่สามารถเลือกสิ่งที่ชอบหรือแต่งงานกับคนที่รักได้ ในเมื่อเดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ ทั้งคู่ถึงตัดสินใจแบบที่เห็นตั้งแต่ต้นเรื่อง เฮ้อ ดราม่าจัง 



👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนังออนไลน์ ซับไทย ได้ที่นี่

Monday, November 29, 2021

รีวิว Persevere, Goo Hae Ra (กูแฮรา แก๊งป่วนก๊วนดนตรี)

Persevere, Goo Hae Ra (กูแฮรา แก๊งป่วนก๊วนดนตรี) เป็นละครแนวเพลงที่จะจัดอยู่ในหมวด "ละครไอดอล" นั่นเป็นเพราะมันนำแสดงโดย Park Kwang-Sun จาก "Ulala Session", Henry จาก Super Junior, Jin-Young แห่ง B1A4, Min Hyo-Rin และ Yoo Sung-Eun แฮรา (มินฮโยริน) เธอเป็นนักร้องที่หวังจะโด่งดังเพื่อที่เธอจะได้ร้องเพลงที่พ่อผู้ล่วงลับของเธอแต่ง เธอปรารถนาที่จะปล่อยเพลงของพ่อที่เสียชีวิตของเธอ


เรื่องเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กสาว Hae Ra ที่เล่นโดย Hyo-Rin ที่ขับรถมาทำเป็นนักร้องดัง เธอพยายามที่จะใช้ชีวิตตามความฝัน พ่อของเธอจากไปเร็วเกินไปที่จะเห็น เพื่อให้บรรลุสิ่งนี้ เธอและเพื่อนสนิทสองคนของเธอได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วม Super Star K เมื่อพวกเขาผ่านด่านต่างๆ ไปได้ ทั้งสามก็ถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นวงดนตรี วงนี้ใกล้ชิดกันมากกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ พวกเขาสนิทสนมกันเหมือนครอบครัว Se-Chan เพื่อนคนหนึ่งของ Hae-Ra ที่เล่นโดย Jin-Young พยายามช่วยเรื่องเงินโดยเซ็นสัญญาเข้าบริษัทโดยผู้จัดการที่ร่มรื่น น้องชายของเขารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เซชานสละอิสรภาพเพื่อช่วยเรื่องหนี้สินเล็กน้อย Se-Joung ที่เล่นโดย Si-Yang เกลี้ยกล่อมให้ทั้ง Se-Chan และผู้จัดการที่ร่มรื่นให้ปล่อยให้เขามาแทนที่ Se-Chan ตอนนี้เมื่อเซ็นสัญญาแล้ว Se-Joung จะต้องถูกดึงออกจากการแข่งขัน ซึ่งหมายความว่าวงดนตรีจะต้องถูกริบ Hae-Ra รู้สึกถูกหักหลังและไม่อยากไว้ใจ Se-Joung อีกต่อไป




โดยรวมซีรีย์เรื่องนี้เป็นซีรีย์ที่ได้รวบรวมไอดอลหลายคนที่จะทำให้คุณยิ้มได้อย่างแน่นอน “Persevere Goo Hae Ra” เป็นซีรีย์แนวดนตรีที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน บทบาทของมินฮโยรินนั้นน่ารักมาก แต่คุณจะได้เห็นรูปแบบของรักสามเส้าอย่างแน่นอน ซีรีย์เรื่องนี้จะมอบความสุข เสียงหัวเราะและน้ำตาให้กับคุณอย่างแน่นอน


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

Sunday, November 28, 2021

รีวิว The Loud House (2021) ครอบครัวตระกูลลาวด์ (เดอะ มูฟวี่)

The Loud House (2021) เรื่องราวการ์ตูนแอนิเมชั่นแสนสนุกแนวผจญภัยอันแสนตื่นเต้นของครอบครัวขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งพ่อแม่ และน้องสาวทั้ง 10 คนของ “ลินคอล์น ลูด” พวกเขากำลังเดินทางไปพักผ่อนซึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่สก็อตแลนด์แต่ในระหว่างทางพวกเขากลับค้นพบบ้านของบรรพบุรุษของพวกเขานั่นคือปราสาทของราชวงศ์


เรื่องราว Lincoln Loud เป็นเด็กชายคนเดียวในครอบครัวที่มีผู้หญิง 10 คน ในขณะที่เขาเป็นพี่ชายที่คอยสนับสนุนน้องสาวหลายคนของเขา ซึ่งรวมถึงนักกีฬา ราชินีประกวด นักวิทยาศาสตร์ นายแบบแฟชั่น นักแสดงตลก ชาวเยอรมัน และเด็กที่รักเบอร์ริโต ลินคอล์นพยายามดิ้นรนที่จะรู้สึกราวกับว่าเขาชื่นชม หรือ มีบางอย่างที่เขาตั้งใจจะทำ หลังจากได้ยินเพื่อนสนิทของเขาพูดถึงวิธีที่เขามาจากคนทำขนมปังที่ต่อแถวมายาวนาน ลินคอล์นจึงตัดสินใจขุดคุ้ยประวัติศาสตร์บรรพบุรุษของเขาเอง ด้วยความช่วยเหลือจากพี่สาวน้องสาว พวกเขาพบว่าพ่อของพวกเขามีรากฐานมาจากสกอตแลนด์ พวกเขาอาจไม่สามารถเดินทางไปที่นั่นด้วยวิธีที่ธรรมดาที่สุด แต่ครอบครัว Loud ทำให้มันสำเร็จ และในที่สุดพวกเขาก็มาถึงดินแดนแห่งผ้าตาหมากรุกและปี่ เมื่อมาถึง Louds พบว่าบ้านของบรรพบุรุษของพวกเขาคือปราสาท และทั้งเมืองก็ได้รับการตั้งชื่อตามพวกเขา เสียงดังเป็นราชวงศ์สก็อต และลินคอล์นเองก็เป็นลูกหลานของดยุค ลินคอล์นอุทิศตนเพื่อทำให้เมืองนี้เป็นสถานที่ที่ดีขึ้นในความพยายามที่จะสวมมงกุฎเป็นดยุค และพยายามเกลี้ยกล่อมให้ครอบครัวของเขาย้ายไปสกอตแลนด์ แต่ด้วยพนักงานในบ้านที่เกลียดชังชื่อ Morag ซึ่งซุ่มซ่อนอยู่ในเงามืดเพื่อรอโอกาสของเธอที่จะขับไล่ Louds ออกจากปราสาท การตั้งรกรากในบ้านเกิดของบรรพบุรุษของพวกเขาจะไม่ง่ายอย่างที่พวกเขาคาดหวัง



โดยรวมเนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะโฟกัสไปที่ Lincoln กับปัญหาในบ้านที่ต้องอยู่กับพี่น้องอีกสิบคน โดยตอนแรก (ตอนละ 10 นาที) จะเป็นเรื่องของ Lincoln อยากไปร่วมโต๊ะกินข้าวของผู้ใหญ่กับพี่ๆ กับตอนที่สองเป็นตอนที่ Lincoln อยากได้ที่นั่งที่ดีที่สุดในรถ บทถือว่าเขียนได้โอเคดี บ้าๆบอๆตามสูตรการ์ตูนเก่าๆ ขณะที่บทตลกออกโอเคดี มีโมเมนท์ให้ขำฮึๆนิดหน่อย ไม่ได้มีมุขหลุดโลกแบบพวก Gumball อะไรแบบนี้ อีกทั้งทั้งสองตอนให้อารมณ์ที่ต่างกันดี ตอนแรกพวกพี่น้องจะไม่มีบทมากเท่าไหร่ ขณะที่ตอนที่สองจะเริ่มมีบทบาทกันมากขึ้นและแสดงให้เห็นถึงนิสัยในบ้านที่แย่งขของกัน ตอนแนวอบอุ่นใจยังไม่โผล่มาแต่เชื่อเหอะว่ามีแน่นอน ก็รอติดตามละกัน The Loud House ถือว่าทำออกมาได้ไม่เลยเลวนะ ใครชอบการ์ตูนตลกๆแบบไม่หลุดโลกมาก ผมว่าเรื่องนี้อาจจะตอบโจทย์ได้ดี


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี ได้ที่นี่

Saturday, November 27, 2021

รีวิว ROBIN ROBIN (โรบิน หนูน้อยติดปีก) คริสต์มาสอันอบอุ่นและคลุมเครือที่ปลุกใจ

ROBIN ROBIN  โรบินหนุ่มที่มองโลกในแง่ดีซึ่งถูกเลี้ยงดูมาโดยครอบครัวหนูน้อยขอพรจากใจจริงกับดาวคริสต์มาส ในที่สุดเธอจะได้เรียนรู้ว่าเธอเป็นใครและจะบินได้อย่างไร?  เป็นหนังเกี่ยวกับการค้นหาตัวเอง และคุณพร้อมกับโรบิน และเดินทางผจญภัยไปตามเส้นทางที่ประดับประดาไปด้วยไฟคริสต์มาส เป็นละครเพลงที่มีฉากในช่วงคริสต์มาสจากมุมมองของสัตว์และนก ดังนั้น มนุษย์จึงเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่น่ากลัวเหล่านี้ เป็นเรื่องตลกและเศร้าที่ได้เห็นโรบินผู้น่าสงสารทำสิ่งต่างๆ มากมาย เพียงเพราะเขาถูกเลี้ยงดูมาโดยพ่อแม่ที่ผิด (หรือถูก?) การเดินทางของโรบินเป็นแรงบันดาลใจ แม้ว่าจะค่อนข้างน่ารำคาญเพราะเจ้านกน้อยไม่สามารถย่องได้!


เรื่องราวของนกตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง โรบิน (บรอนเต้ คาร์ไมเคิล) ผู้ซึ่งถูกเลี้ยงดูมาโดยครอบครัวของหนู หลังจากที่ไข่ของเธอถูกทิ้งลงในกองขยะ เธอใช้เวลาทั้งชีวิตพยายามจะสวมให้พอดีตัว เป่าขนของเธอเพื่อสร้างหูจิ๋วสองข้าง และละทิ้งความคิดที่จะบินตามหน้าที่ ครอบครัวของเธอยอมรับเธอเสมอ แต่โรบินยังคงเชื่อว่าเธอต้องรักษาตำแหน่งของเธอไว้ท่ามกลางหนูด้วยการขโมยแซนวิชทั้งชิ้น หนูเป็นพวกหัวขโมยมือสมัครเล่นทั้งหมดในโลกนี้ และการขโมยเศษขนมปังเป็นวิถีชีวิตของพวกมัน เมื่อเธอเริ่มหัวของเธอเต็มไปด้วยความฝัน และยังมีเรื่องตลกมากมายที่มุ่งเป้าไปที่เด็ก ๆ นี่เป็นเรื่องราวที่คุ้มค่าของครอบครัวที่บริสุทธ์ทั้งหมด โรบินเริ่มการปล้นอัญมณีในบ้านใกล้ๆ กับนกกางเขน แกรนท์มีความสนุกสนานพอๆ กับที่เขาสามารถแสดงได้กับตัวละครของเขา นกกางเขนนั้นดูน่ากลัวโดยเนื้อแท้ (กักตุนของแวววาวทั้งหมดไว้) ความใส่ใจในรายละเอียดของ Aardman นั้นชัดเจนในทุกเฟรม และมีฉากแอ็คชั่นที่ดีในบ้านเนื่องจากการปล้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดไว้ 




โดยสรุป เป็นการเดินทางที่น่ายินดีของนกโรบินตัวน้อยที่พยายามค้นหาตัวเองภายในครอบครัว มีเสียงหัวเราะ ความรื่นเริง และจิตวิญญาณในวันหยุด พร้อมกับช่วงเวลาที่เศร้าและหวานอมขมกลืนเพื่อสร้างความบันเทิงในครอบครัวระยะสั้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับวันหยุด




👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่

 

Thursday, November 25, 2021

รีวิว Entertainer เพลงได้ นักแสดงดี แต่บทป่วยมากกก

Entertainer ซีรี่ย์ความบันเทิงสำหรับใครที่มีความฝันเรื่องนี้่ น่าจะสะท้อนความฝันได้เป็นอย่างดีแม้เรตติ้งจะไม่สูงมาก บอกเล่าเริ่มต้นของ ชิน ซุก-โฮ ออกจากบริษัทบันเทิงขนาดใหญ่เพื่อก่อตั้งบริษัทของตัวเอง อย่างไรก็ตาม การเดินทางครั้งใหม่ของเขาเริ่มต้นอย่างไม่ถูกต้อง เนื่องจากอดีต CEO มองว่าเขาเป็นภัยคุกคามและต้องการทำลายเขา


เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่มารวมตัวกันเพื่อสร้างวงดนตรี โดยมีชินซอกโฮ (จีซอง) อดีตผู้อำนวยการค่ายเพลงชื่อดังของประเทศ ที่ได้ผันตัวมาเป็นประธานบริษัทบันเทิงเล็ก ๆ คอยให้ความดูแลแก่สมาชิก และเขาก็เป็นคนรวบรวมสมาชิกเพื่อมาสร้างวงดนตรีในบริษัทเขาเองกับมือด้วย โดยชินซอกโฮนั้นต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้ความฝันของตัวเองได้เป็นจริง 



สำหรับเรื่องนี้มีจุดเด่นที่นักแสดง โดยซีรีย์ได้รวบรวมนักแสดงวัยรุ่นหน้าใหม่มาเล่น ทำให้เวลาดูเราจะเพลิดเพลินไปกับใบหน้าอันหล่อเหลาและเสียงร้องเพราะ ๆ ของพวกเขาเลยค่ะ นอกจากนั้นแล้วยังมีมุกตลกสอดแทรกเข้ามาในเนื้อเรื่องอีกด้วย ถือได้ว่าเป็นซีรีส์ดนตรีที่สนุกครบรสมากจริง ๆ ต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราชอบมาก เป็นเรื่องที่ติดทั้งซีรีย์และติดทั้งเพลงในซีรีย์ทุกเพลงเลย ถ้าใครมองหาซีรีย์ที่นักแสดงหล่อ ๆ และเพลงเพราะ ๆ ต้องดูเรื่องนี้เลยค่ะ


โดยสรุป ช่วงแรกๆ แย่ ถึงแย่มากๆ เนื้อเรื่องรวมๆ ธรรมดา ไม่โดดเด่น แต่ดูทั้งเรื่องแล้วไม่แย่มาก องค์ประกอบอื่นๆ ทำมาดี โดยเฉพาะเพลงประกอบดีมาก อาจเป็นเพราะละครเกี่ยวกับวงดนตรี เลยสนใจในรายละเอียดเรื่องพวกนี้เป็นพิเศษ ชอบเพลงนี้เป็นพิเศษ เป็นช่วงที่เดินเรื่องบิ้วอารมณ์มาดีที่สุดของเรื่องแล้ว ดูครั้งแรกน้ำตาซึมเลย


👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนังออนไลน์เต็มเรื่อง ได้ที่นี่



Wednesday, November 24, 2021

รีวิว Fly Again (Web Drama 2021) ความฝันที่โบยบินอีกครั้ง แนวดนตรีดราม่า

Fly Again (Web Drama 2021) ความฝันที่โบยบินอีกครั้ง ซีรีย์แนวดนตรีดราม่า  นำแสดงโดย ฮยองวอน MONSTA X คิมมยองจี พัคอึยฮเย และโทนี่อัน เล่าเรื่องราวความฝันของนักเรียนนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่มีความฝันอยากเป็นไอดอล โดยฮันโยฮันเด็กหนุ่มที่เป็นอัจฉริยะทางศิลปะการเต้นได้ประสบอุบัติเหตุในขณะที่กำลังแข่งขันอยู่บนเวที ทำให้ข้อเท้าบาดเจ็บต้องได้รับการผ่าตัดจึงไม่สามารถกลับไปเต้นได้อีก ทำให้เขารู้สึกท้อใจและผิดหวังแต่ด้วยความฝันที่อยากจะยืนอยู่บนเวทีอีกครั้ง เขาจึงเริ่มค้นหาวิธีใหม่ที่จะไล่ล่าความฝันอีกครั้ง


เรื่องราว เมื่ออุบัติเหตุโชคร้ายได้ขโมยความฝันของฮันโยฮันไป จากอัจฉริยะศิลปะการเต้นกลายมาเป็นไอดอล จนเมื่อฮันโยฮันได้เจอกับ อนจีมิน หญิงสาวที่หลงใหลในการเต้นและสามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดี อยากเป็นไอดอลเพราะชอบเต้น ชอบการได้ยืนอยู่บนเวที และตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงเชียร์จากแฟนคลับ รวมไปถึงความสุขที่ได้อยู่เพื่อนร่วมทีม  เมื่อฮันโยฮันได้ยินแบบนั้น ความฝันของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเขาเริ่มค้นหาวิธีที่จะทำความฝันของเขาให้เป็นจริง อีกทั้งยังได้เจอกันของคิมกึนชิก กูชางฮี แบคโดยอง และเคนลี อีกด้วย แต่ฮันโยฮันและอนจีมินจะสามารถไล่ล่าตามความฝันได้อย่างไรต้องไปติดตามชมกัน




โดยภาพรวม สำหรับเพื่อน ๆ ที่ชอบแนวไอดอลสู่ฝัน แนะนำว่าเป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด เป็นเรื่องที่เล่าเส้นทางตามความฝันผ่านช่วงชีวิตของวัยนักเรียน ถึงแม้ความฝันที่เรามีอาจจะไม่ประสบความสำเร็จแต่เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนความคิด และมีความฝันขึ้นมาใหม่ได้ เราว่าเป็นเรื่องที่ส่งเสริมและให้กำลังใจกับผู้ที่เคยสูญเสียความฝันหรือกำลังจะตามหาความฝันได้ดีมากคะ


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

Tuesday, November 23, 2021

รีวิว Tick, Tick… Boom! ภาพยนตร์มิวสิคัลดราม่าสร้างโดย เน็ตฟลิกซ์

Tick, Tick… Boom! ภาพยนตร์มิวสิคัลดราม่าสร้างโดย เน็ตฟลิกซ์ ชื่อเรื่องก็บอกอยู่แล้วว่าพูดถึงเวลา สร้างจากชีวประวัติของจอน โจนาธาน ลาร์สัน นักแต่งบทละครเวทีมิวสิคัล ที่อายุเข้าใกล้ 30 ปีเข้าไปทุกที ทั้งที่เวลายังคงเดินไปไม่หยุดนิ่ง แต่ผลงานละครเพลงร็อคแนวดิสโทเปียที่ตัวเองแต่งมานานแปดปี เรื่อง ซูเพอร์เบีย ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้โชว์ในเวทีบรอดเวย์สักที ใครชอบผลงานของลิน มานูเอล มิแรนดา เรื่องนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนเพราะมอบเพลงเพราะ ๆ ให้คนดูแบบจัดแน่นจัดเต็มกันเลย


เรื่องราว ในปี 1990 โจนาธาน หรือ โจ คือ ชายหนุ่มที่มีความฝันและหกล้มคลุกคลานกับการส่งละครเพลงที่ตัวเองเขียนสู่บอร์ดเวย์ เขานั้นทั้งสดใสและมีพลังอันล้นหลาม และโอบล้อมด้วยเพื่อนเกย์อย่างไมเคิล และแฟนสาวนักเต้นอย่างซูซาน กระทั่งเขาได้รับการติดต่อให้นำละครเวทีเรื่อง ซูเปอร์เบีย ที่เขาใช้เวลาเขียนกว่าแปดปีเข้าสู่การคัดเลือก นั่นทำให้ชีวิตของเขานั้นสว่างไสวด้วยบทเพลงและความสุข แต่สิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนคือการใช้ชีวิตที่มองข้ามสิ่งสำคัญเพื่อละครเวทีเรื่องแรกในชีวิต ในช่วงก่อนวันเกิดอายุ 30 ในอีกไม่กี่วัน เขาก็เริ่มถอยห่างและหมกหมุ่นจนทำให้ความสัมพันธ์รอบ ๆ ตัวค่อย ๆ พังทลาย และการมาขอแคสแซนดร้า หญิงสาวปริศนาผู้เป็นนักแสดงนำในละครเวทีที่เขาจัดการแสดงก็ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย โจเริ่มได้ยินเสียงนาฬิกาดังติ๊กต๊อกอยู่ภายในหัว เขาเริ่มคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะแตกสลายภายในหัว และถึงตอนนั้นอาจจะสายเกินไปที่จะเริ่มต้นทำในสิ่งที่ตัวเองรักและมอบความรักให้แก่คนรอบตัว




โดยรวม  Tick, Tick… Boom! คือมิวสิคัลอัตชีวประวัติที่เกิดขึ้นระหว่างความจริงและจินตนาการที่ถ่ายทอดถึงเรื่องราวของความผิดหวังและความสำเร็จ ผ่านการกำกับเรื่องแรกที่ทรงพลัง ทั้งทางการแสดง บทเพลง และบรรยากาศที่เหมือนดึงเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งและมองชีวิตของตัวละครโจนาธาน ลาร์สัน ที่เคยมีชีวิตอยู่ในยุค 90 และสิ่งที่เขาต้องแลก แม้บทจะไม่ได้แปลกใหม่และเป็นสูตรสำเร็จ นักแสดงทุกคนที่แสดงสุดยอด ทั้งแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ที่มอบการแสดงสุดจะหาคำบรรยาย และวาเนสซ่า ฮัดเจนท์ที่สะกดคนดูได้โดยไม่ต้องมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง  ประเด็นของเรื่องที่คมคายและลึกซึ้งในเรื่องของคุณค่าของเวลา




👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา ได้ที่นี่

Monday, November 22, 2021

รีวิว IDOL: The Coup ไอดอลผู้ (ไม่เคย) ล้มเหลว

หากความฝันบนเส้นทางของเด็กฝึกทุกคนคือการเดบิวต์ ความฝันของศิลปินก็คงเป็นการปรากฏตัวอยู่บนเวทีท่ามกลางแฟนๆ แต่ IDOL: The Coup กลับบอกเล่าเรื่องราวที่ต่างออกไปของวง Cotton Candy วงเกิร์ลกรุ๊ปที่เต็มไปด้วยความสามารถและความฝัน ผู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับค่ายเพลงที่เทพวกเธออย่างไม่เป็นท่า และการต่อสู้กับโลกที่โหดร้ายในฐานะ ‘ไอดอลผู้ล้มเหลว’




เรื่องราวอันแสนเจ็บปวดที่ศิลปินและแฟนคลับเข้าใจได้อย่างดี ผ่านวันเวลาแห่งความผิดหวัง การถูกทอดทิ้ง คำเรียกขานว่าวงนูกู และการต่อสู้เพื่อชิงอันดับบนชาร์ตเพลงที่แสนโหดร้าย นอกจากเนื้อหาที่สะเทือนใจแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังดึง 5 ไอดอลสาวที่เคยข้ามผ่านช่วงเวลาอันเจ็บปวดของการไม่เป็นที่รู้จักมาแล้วในชีวิตจริง มารวมตัวกันในบทบาทของสมาชิกวง Cotton Candy  เริ่มจาก อันฮียอน หรือฮานิ หนึ่งในสมาชิกจากวง EXID เจ้าของเพลงดังติดหูอย่าง UP&DOWN (2014) วงเกิร์ลกรุ๊ปที่ไม่มีกิจกรรมวงอีกเลยนับตั้งแต่เธอหมดสัญญากับอดีตต้นสังกัตไปในปี 2019 มารับบท คิมเจนนา หัวหน้าวง Cotton Candy  พร้อมด้วยไอดอลมากความสามารถอย่าง อันซลบิน Laboum ที่มารับบท ฮยอนจี และ เอ็กซี่ WJSN ในบท แอล สองไอดอลสาวที่เดบิวต์ในปี 2016 ยุคเฟื่องฟูของรายการเซอร์ไวเวิล (รายการประกวดไอดอล) ที่ทำให้สปอตไลต์จากสื่อต่างๆ และแฟน K-Pop เองส่องไปไม่ถึงพวกเธอเท่าที่ควร และสมาชิกคนสุดท้ายของวง Cotton Candy ที่ได้นักแสดง ฮันโซอึน มารับบท สเตลล่า นักแสดงที่กำลังไต่เต้าอย่างเต็มที่ในยุคที่คู่แข่งทางการแสดงเพิ่มมากขึ้นทุกวัน




 “เป้าหมายของการเป็นศิลปินฝึกหัดทุกคนคือการได้เดบิวต์ แต่การเดบิวต์เป็นแค่จุดเริ่มต้น” ซงยูจิน อดีตสมาชิกวง N-Train พูดไว้แบบนั้นในตอนเริ่มต้นของอีพีที่ 2 เพราะการเป็นไอดอลนั้นคือการเป็นสินค้าของอุสาหกรรมบันเทิง และแน่นอนว่าถ้าศิลปินคนไหนไม่สามารถสู้กับวงอื่นๆ หรือทำให้ตัวเองเป็นสินค้าชั้นดีของบริษัทได้แล้ว บริษัทก็จะเลิกขายพวกเขา และนั่นหมายความว่าความพยายามในการเดบิวต์ทั้งหมดจะสูญเปล่า ในทางการตลาด สินค้าที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายไม่ได้สำคัญแค่วัตถุดิบเพียงอย่างเดียว แต่ต้องประกอบไปด้วยการทำบรรจุภัณฑ์ การวางแผนการขาย และการโฆษณาที่ดีด้วย แต่สิ่งที่วง Cotton Candy ต้องเจอคือการต่อสู้กับค่ายเพลง ในฐานะเจ้าของสินค้าที่ทำเพียงแค่ตีตราพวกเธอแล้วออกขาย ทิ้งพวกเธอไว้บนชั้นวางอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่จะกล่าวโทษคุณภาพของวัตถุดิบอย่างพวกเธอ แทนที่จะโทษการวางแผนที่ผิดพลาดของตัวเอง คงเป็นเพราะการโยนความผิดให้คนอื่นมันง่ายกว่ายอมรับไว้เอง สุดท้ายแล้วสาวๆ เหล่านี้จึงต้องยอมรับการถูกทอดทิ้งและแบกรับความล้มเหลวไว้แต่เพียงผู้เดียว แม้ว่าที่จริงแล้วคนที่ล้มเหลวอาจไม่ใช่พวกเธอเลยก็ตาม


👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่



Sunday, November 21, 2021

รีวิว Let Me Be Your Knight 2021 (รักโรแมนซ์ของหนุ่มไอดอล) เมื่อไอดอลหนุ่มดันเป็นโรคนอนละเมอ

Let Me Be Your Knight เป็นเรื่องราวสุดวุ่นวายของหนุ่มไอดอลที่เห็นแล้วต้องมีกรี๊ดกันบ้างแน่นอน  เมื่อไอดอลสุดฮอตหัวหน้าวงของ Luna เป็นโรคนอนละเมอ พวกเขาจึงต้องปิดบังการรักษาอาการป่วยอย่างลับ ๆ โดยแพทย์สาวที่มาประจำที่หอพักศิลปินคนใหม่ ซึ่งตัวจริงของเธอไม่ได้เป็นหมอแต่อย่างใด เธอทำงานเป็นไกด์นำเที่ยวแต่ด้วยเหตุผลจำเป็นบางอย่างทำให้เธอจับพลัดจับผลูเข้าไปอยู่ในหอพักแห่งนี้พร้อมกับ 5 สมาชิกวง Luna



เรื่องราวของไอดอลอินเตอร์ยุนแทอิน(รับบทโดย อีจุนยอง) ป่วยด้วยโรคนอนละเมออย่างรุนแรง และพาคนที่สวมรอยเป็นหมออย่างอินยุนจู(รับบทโดย จองอินซอน) เข้ามาประจำที่หอพักเพื่อทำการรักษาอย่างลับๆ ช่วงเวลาเหล่านี้ จึงเกิดเรื่องราวแสนหวานและน่าตื่นเต้น ระหว่างแพทย์หญิงกับเหล่าสมาชิกบอยแบนด์ทั้งห้า พระเอกยุนแทอิน โปรดิวเซอร์และหัวหน้าวง”ลูน่า”วงดนตรีไอดอลชื่อดังระดับโลก นางเอกอินยุนจู ด้วยคารมคมคายและความมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ชีวิตที่มีเพียงปู่กับย่า ทำงานเป็นไกด์นำเที่ยว เธอฝันอยากจะมีบ้านสักหลัง แต่แล้วก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บางอย่าง ทำให้ต้องปลอมตัวเข้าไปเป็นแพทย์อยู่ในหอพักของวงไอดอล”ลูน่า” เริ่มต้นใช้ชีวิตอันน่าตื่นเต้นร่วมกับชายหนุ่มทั้งห้า สมาชิกของวงไอดอลอีกสี่คนคือ มือเบส อีชิน (รับบทโดย คิมจงฮยอน) คิมยูชาน(รับบทโดย ยุนจีซอง) มักเน่น้องเล็กมือคีบอร์ด อูกาอน(รับบทโดย คิมดงฮยอน) มือกีตาร์และร้องนำซออูยอน(รับบทโดย จางดงจู) อีชินเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ยอมทำทุกอย่างได้เพื่อความรัก ดูแล้วชีวิตเต็มไปด้วยความรัก แต่ในความเป็นจริงเพราะเอาแต่แอบรักเลยมักจะสับสนในใจ คิมยูชานดูเหมือนจะเป็นคนที่ทะเยอทะยาน แต่จริงๆแล้วเขาก็เป็นแค่เด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยวที่มีบาดแผลเต็มตัวเท่านั้น มักเน่น้องเล็กมือคีบอร์ด อูกาอน เป็นโรคหลายบุคลิก อาการป่วยระดับสอง เป็นตัวละครที่ทำให้ทุกคนอยู่ในความหวาดกลัวและคาดเดาไม่ได้ 






โดยรวมเรื่องราวกำลังน่าตื่นเต้นเลยค่ะ เมื่อยุนจูต้องกลายมาเป็นหมอประจำบ้านให้กับไอดอลหนุ่มวง Luna และยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อแทอินปฏิเสธที่จะเข้ารับการรักษา ซึ่งอาจจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์จากคู่กัดเป็นคู่กันก็ได้ ส่วนเรื่องราวดราม่าในชีวิตของยุนจูก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เมื่อความเจ็บปวดในอดีตทำให้เธอกับพี่สาวฝาแฝดกลายเป็นคนแปลกหน้าที่รู้จักกันดี ยุนจูจะทำอย่างไรกับความสัมพันธ์พี่น้องในครั้งนี้ ไปติดตามรับชมกันต่อได้ในซีรีย์นะคะ


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่

Saturday, November 20, 2021

รีวิว My Rhythm (มายริทึ่ม) ทุกคนมี จังหวะฝัน แต่จะมีกี่คน ถึงฝัน

My Rhythm มาย ริทึ่ม หนังไทยเรื่องล่าสุดที่หยิบเอาแนวทางของดนตรีมาเล่าเป็นแบบภาพยนตร์สายฮา ของผู้กำกับ ก็อป รพี พิเชียรภาคย์ ที่มีนักแสดงไฟแรงอย่าง คริส พีรวัส แสงโพธิรัตน์ จับคู่กับ ฝ้าย บุญสิตา อินทาปัจ รับบทนำของเรื่อง และยังได้ นักดนตรีชื่อดังอย่าง ปู แบล็คเฮด และ ชัช บอดี้แสลม ร่วมแสดงกับหนังเรื่องนี้อีกด้วย





เรื่องราว โก้(ที่รับบทโดย คริส-พีรวัส แสงโพธิรัตน์) เป็นมือกลองที่มากฝีมือ แต่มีอีโก้ที่สูง เขาฝันว่าสักวันจะดังแบบวง Bodyslam โดยมี ชัช Bodyslam เป็นเหมือนไอดอลของเขา แต่โก้นั้นดันเป็นโรคประหลาดโรคหนึ่ง คือ จะหลับแบบไม่รู้ตัว มันเลยเป็นอุปสรรคกับสิ่งที่โก้ฝันไว้ แต่แล้ววันหนึ่งเขาได้เจอกับ ส้ม(ที่รับบทโดย ฝ้าย-บุญสิตา อินทาปัจ) สาวแบ๊ว ช่างจินตนาการ ที่เป็นเพื่อนเก่าสมัยมัธยมของโก้ นอกจากนั้น ได้มีสมาชิกวงเพิ่มอย่าง ตุ๋ยมือเบส แถมได้รุ่นพี่เด็กซิ่วจอมโหด เรียนยังไงก็ไม่จบสักทีอย่าง โฉดมาเป็นนักร้อง และสุดท้าย ยอด เป็นกีฬา




โดยรวมเป็นหนังไทยแนวดนตรีที่เหมือนจะโอเค แต่ไม่โอเคตรงบทของหนัง ที่เบาบางซะเหลือเกินแถบไม่มีทิศทางอะไรเลย มันเลยทำให้คนดูอย่างเราไม่ค่อยอินสักเท่าไร แถมมีปมที่เยอะอีกด้วย มันเลยทำให้หนังเรื่องยิ่งไปไม่สุดสักทาง ไม่รู้จะโฟกัสเรื่องไหนก่อนดีระหว่างความน่ารักของนักแสดงหรือความฝันที่อยากเป็นนักดนตรี ว่าอันไหนมันมีน้ำหนักมากกว่ากัน ด้านฉากของหนังส่วนใหญ่จะใช้โลเคชั่นเป็นในมหาวิทยาลัยในการถ่ายทำแถบทั้งเรื่อง อันนี้ดี มุมกล้องโอเค ดูน่าสนใจ แต่ติดตรงที่บทเนี้ยแหละ ด้านนักแสดงคงต้องยกให้ คริส พีรวัส เลย แสดงออกมาได้ดีมากแต่ด้วยบทที่เขาได้รับนั้นมันเลยทำให้ตัวของ คริส พีรวัส ไม่เด่นเท่าที่ควรจะเป็น ใครที่เป็นคอหนังสายดนตรีและอยากเสพดนตรีหนังเรื่องนี้ My rhythm มาย ริทึ่ม ถือว่าตอบโจทย์


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนังใหม่ชนโรง ได้ที่นี่

Thursday, November 18, 2021

รีวิว Lost Song (บทเพลงที่หายไป) พลังแห่งเสียงเพลง

ที่หายไปเพลง (เก๋ LOST SONG )  Rin และ Finis สองสาวที่มีภูมิหลังและบุคลิกที่ตรงกันข้าม แต่แบ่งปันความธรรมดาในการแสดงเพลงมหัศจรรย์ที่คู่ควรแก่การรักษา ลม น้ำ และไฟ Rin และ Finis ต่างเริ่มการเดินทางที่ยากลำบากในช่วงสงครามในอาณาจักร และพวกเขาต้องพบกันเพื่อร้องเพลงคู่ที่จะฟื้นฟูสันติภาพของโลกอีกครั้ง 


เรื่องราว รินเป็นเด็กสาวที่มีพลังซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชายแดนที่มีหญ้าเขียวขจี Finis ใช้เวลาทั้งวันอย่างโดดเดี่ยวลึกเข้าไปในพระราชวังในเมืองหลวงที่พลุกพล่าน ในขณะที่สาวๆ ดูเหมือนตรงกันข้าม พวกเขามีพลังพิเศษที่ไม่มีใครมี พลังแห่งเสียงเพลง ซึ่งสามารถรักษาบาดแผล สร้างน้ำ และลมพัด โชคชะตานำพา หญิงสาวทั้งสองต้องเผชิญกับการเดินทางที่ยากลำบากเมื่อเงาแห่งสงครามปกคลุมทั่วราชอาณาจักร ทำให้บทเพลงมหัศจรรย์ของพวกเขาเสียไปด้วยเลือดของผู้บริสุทธิ์ ผู้เป็นที่รักต้องพบกับความตายขณะที่เสียงกรีดร้องเงียบ ๆ สะท้อนผ่านคุกหิน และรินและฟินนิสหวังว่าเพลงสุดท้ายจะเป็นเพลงแห่งความหวัง


โดยตัวละคร Rin เป็นเด็กสาวที่มีพลังและหลงใหลในการร้องเพลงโดยอาศัยอยู่กับ Al น้องชายของเธอ พี่สาว Mel และคุณปู่ Talgia Hawkray ในหมู่บ้านสันโดษใกล้ป่า เธอค้นพบความสามารถของเธอในการร้องเพลง Spirit Songs เพลงในตำนานที่สามารถจัดการองค์ประกอบทั้งสี่ของโลกและทำให้เกิดปาฏิหาริย์ ต่างจาก Finis เพลงของเธอเติมพลังให้กับเธอแทนที่จะทำลายอายุขัยของเธอ หลังจากที่ Mel และ Talgia เสียชีวิต เธอสัญญาว่าจะใช้ชีวิตตามความฝันในการร้องเพลงร่วมกับ Court Orchestra ในเมืองหลวง และช่วยชีวิตคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยพลังของเธอ รินเคยเป็นส่วนหนึ่งของ Finis ความหวังสุดท้ายของ Finis และบทเพลงแห่งการรักษา ซึ่งเกิดขึ้นหลังจาก Finis ร้องเพลง Song of Mortality ร้องเพลงแห่งการรักษาเพื่อให้ความปรารถนาของ Finis ที่จะทำลาย ฟื้นฟูโลก; ในที่สุดมันจะนำไปสู่ ​​"ความตาย" ของเธอ แต่ตามมาด้วยการรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากคู่ของเพลงหลงทางจบลง รินก็แยกย้ายกันไปและกลับมารวมตัวกับฟีนิสตามบทกวีที่กล่าวว่าความหวัง (ริน) จะหายไปหลังจากความปรารถนานั้นสำเร็จ อนุสรณ์ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ดาบของเฮนรี่ดั้งเดิมเป็นเครื่องหมาย อย่างไรก็ตาม ด้วยการเปิดเผยของการตั้งครรภ์ของ Finis ก็บอกเป็นนัยว่า Rin จะกลับคืนสู่โลกอีกครั้ง


👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนังเอเชีย ได้ที่นี่



Wednesday, November 17, 2021

รีวิว WISH YOU : Your Melody In My Heart ทำนองรักในหัวใจ

Wish You: ทำนองรักในหัวใจ  ซีรีย์วาย 8 ตอน ตอนละ 10 นาที แต่คุณภาพกลับคับแน่นในทุกตอน ไม่ว่าจะงานภาพ เสียง นักแสดง หรือบทที่กระชับรวดเร็ว ก็ล้วนสมบูรณ์แบบ ถูกใจคอสาววายกันเลยทีเดียว กับเรื่องราว นักร้องนักแต่งเพลงมากพรสวรรค์กับมือคีย์บอร์ดรุ่นเดียวกันต่างได้เข้ามาเติมเต็มความรักและความลงตัวในชีวิตของกันและกัน


เรื่องราวของนักร้องอิสระที่มีใจรักในเสียงดนตรีทำให้เขาแสดงบนท้องถนนชีวิตของคังอินซูวนเวียนอยู่กับดนตรี อินซูได้รับการสนับสนุนจากเพื่อน ๆ ของเขาหวังว่าสักวันหนึ่งจะเปลี่ยนความรักในดนตรีให้กลายเป็นอาชีพเต็มเวลา แต่การทำเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อินซูปฏิเสธที่จะล้มเลิกความฝันของตัวเองอินซูยังคงทำงานอยู่ตลอดทั้งวันในขณะที่เพื่อนสนิทของเขาชเวมินซองบันทึกการแสดงและอัปโหลดของเขาบน YouTube ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าการแสดงของอินซูได้รับความสนใจจากใครบางคนที่สามารถเปลี่ยนชีวิตนักดนตรีหนุ่มไปตลอดกาล นักคีย์บอร์ดที่ทำงานใน บริษัท แผ่นเสียงรายใหญ่ยุนซางยีมักมองหาความสามารถใหม่ ๆ หลังจากสะดุดกับวิดีโอของ In Soo ซังยีได้กลายเป็นหนึ่งในแฟนตัวยงของนักร้อง เพราะเชื่อว่าอินซูสามารถทำให้มันยิ่งใหญ่ได้เขาแนะนำให้ศิลปินหนุ่มเข้าร่วมโครงการค้นพบหน้าใหม่ของ บริษัท เมื่อเห็นโอกาสนี้ในคำเชิญนี้อินซูจึงตอบรับข้อเสนอและในไม่ช้าก็ย้ายเข้าที่พักของ บริษัท กับซางยี เมื่อทั้งสองอยู่และทำงานร่วมกันความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เติบโตขึ้นอย่างช้าๆความรู้สึกใหม่ ๆ ก็เริ่มผลิบาน น่าเสียดายที่เมื่อความรู้สึกของพวกเขาเติบโตขึ้นอุปสรรคที่ขวางทางพวกเขาก็เช่นกัน





โดยสรุปภาพรวม นักแสดงนำของเรื่องที่ได้อินซูจากวงMYNAME และอีซังจากวงIMFACT ด้วยที่ทั้งคู่ต่างก็เป็นไอดอลบอยกรุ๊ป ทำให้เรื่องการร้องเพลงหรือการเล่นดนตรีมันไม่ดูขัดตาแต่อย่างใด แต่กลับดูมืออาชีพไม่ต้องเล่นมั่วๆหรือร้องเพลงแบบลิปซิงค์ทำให้การแสดงของพวกเขามันเหมือนเล่นออกมาจากตัวตนจริงๆไม่ใช่การแสดง เพราะพวกเขาทั้ง 2 คนต่างก็เป็นศิลปินที่เข้าใจแก่นของตัวละครที่ต่างก็รักในเสียงเพลงได้เป็นอย่างดี ทั้งคู่ถ่ายทอดความเป็นอินซูและซังอี ออกมาได้ละมุน ชวนฟินตลอดเวลา ขอแค่เห็นทั้ง 2 คนอยู่ใกล้กันเมื่อไหร่คนดูมีอันต้องอุดปากกรี๊ด เพราะออร่าและเคมีของทั้ง 2 คนคือมันได้มากกก !!! 


👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา ได้ที่นี่

13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix

 13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix เรื่องราวของ อีแวนด์ โกลด์แมน เด็กหนุ่มที่ย้ายมาจากโรงเรียนในนิวยอร์คตามครอบครัว ...