Thursday, December 30, 2021

รีวิว Vivo (2021) แอนิเมชันมิวสิคัล ชวนท่องโลกผจญภัยไปกับเสียงเพลงและคิงกาจูตัวน้อย

Vivo (2021)  กับการผจญภัยข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำภารกิจสำคัญบางอย่างของ คิงกาจู สัตว์ป่าตัวน้อยแสนน่ารัก ดูจบแล้วก็เลยต้องรีบมาขายป้ายยากันแบบด่วนจี๋ เพราะเรื่องนี้คงถูกใจคนรักมิวสิคัล ปล่อยใจฝันไปกับเสียงเพลง แล้วเริ่มบรรเลงกันได้เลย ได้เวลาดูการ์ตูนกันอีกแล้ว ครั้งนี้ขอเอาใจสายร้อง เต้น เล่นดนตรี ด้วยภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องใหม่จาก Netflix


 เรื่องราวเริ่มต้นด้วยบรรยากาศแสนสนุกในเมืองฮาวานา ประเทศคิวบา 'วีโว่' คิงกาจูตัวน้อยแสนฉลาดที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ทางด้านดนตรี ร้องเพลงเป็น เต้นก็ได้ แถมยังเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิดอีกต่างหาก ตอนเบบี๋วีโว่พลัดตกจากรถบรรทุกสินค้าและได้ 'ป๋าอันเดรส' เป็นคนเลี้ยงดูมันมา ทั้งสองมักจะออกไปทำการแสดงเปิดหมวกยังลานน้ำพุกลางเมือง สร้างสีสันและความครื้นเครงให้เมืองแห่งนี้มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ




อยู่มาวันหนึ่ง ป๋าอันเดรสได้รับจดหมายที่ส่งมาจากไมอามี สหรัฐอเมริกา จ่าหน้าซองผู้ส่งว่า 'มาร์ตา' นักร้องชื่อดังผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของเขานั่นเอง เนื้อความในจดหมายบอกว่ามาร์ตาจะอำลาวงการ และปรารถนาจะให้ป๋าอันเดรสร่วมร้องเพลงในการแสดงครั้งสุดท้ายของเธอ อดีตอันหอมหวานจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ป๋าอันเดรสตั้งใจจะนำโน้ตเพลงที่เขียนขึ้นให้มาร์ตาเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นไปมอบให้เธอ พร้อมกับบอกความในใจที่เก็บไว้มานานกว่า 60 ปี แต่เมื่อถึงเช้าวันเดินทางเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เจ้าวีโว่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต ป๋าอันเดรสนั่งอยู่บนเก้าอี้เอนหลังโดยไม่มีลมหายใจอีกแล้ว




โดยสรุปเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันอีกเรื่องที่น่าประทับใจและไม่อยากให้ทุกคนพลาด บันเทิงตาด้วยงานภาพสุดบรรเจิด บันเทิงหูด้วยงานดนตรีสุดไพเราะ แถมยังตื่นเต้นไปกับการผจญภัยระหว่างทาง เล่ามาเหมือนจะเยอะแต่บอกเลยว่านี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของหนังทั้งเรื่อง นอกจากความสนุกแล้วยังได้แง่คิดเรื่องความรัก ครอบครัว มิตรภาพ และความฝันอีกต่างหาก ครบรสขนาดนี้จะพลาดได้ไง จริงไหม? ร่วมลุ้นและเป็นกำลังใจให้วีโว่ เจ้าคิงกาจูตัวน้อยจะนำโน้ตเพลงรักของป๋าอันเดรสไปมอบให้กับมาร์ตาได้สำเร็จหรือไม่ ในภาพยนตร์แอนิเมชัน วีโว่ (Vivo) เนื้อเรื่องสนุก เพลงดี ดนตรีม่วนขนาดนี้ ขอแนะนำว่าให้ดูพร้อมกันทั้งครอบครัว จะได้ยิ้มจนตาหยีแน่นอน


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่

Wednesday, December 29, 2021

รีวิว Sing ร้องจริง เสียงจริง - เพลงเพราะ ฟังได้เรื่อยๆ ไม่มีสะดุด ทุกเพลง

Sing – ร้องจริง เสียงจริง มาพร้อมกับเพลงฮิตมากกว่า 85 เพลง ตั้งแต่ยุค 30-40 ปีที่ผ่านมา จนถึงยุคปัจจุบัน เขียนบทและกำกับโดยการ์ธ เจนนิงส์ (Son of Rambow, The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy) และอำนวยกาสร้างโดยคริส เมเลแดนดรี้และ เจเน็ต ฮีลลี


เรื่องราว ณ เมืองที่มีแต่สิงสาราสัตว์ ทุกครอบครัวต่างมีหน้าที่ของตนเองใครประกอบอาชีพอะไรก็ดำเนินกันไป ทว่ามีโคอาล่าอยู่ตัวหนึ่งเป็นเจ้าของกิจการ “โรงละครมูน” ซึ่งเคยเฟื่องฟูพอตกมาที่มือลูกชายอย่าง “บัสเตอร์ มูน (แมทธิว แม็คคอนนาเฮย์)” กลับถึงคราวตกต่ำเป็นหนี้สินจนไม่มีเงินจ่ายธนาคาร แต่ “บัสเตอร์” ยังไม่อับจนความคิดเกิดปิ๊งไอเดียจัดประกวดร้องเพลงแบบสมัยนิยมประเภทเดียวกับ The Voice และ Got Talent แต่คุณกิ้งก่าพนักงานคนเดียวของโรงละครเกิดเล่นตลก ชีวิตพลิกผันทำให้เกิดความผิดพลาดของจำนวนเงินรางวัลบนใบปลิวที่ได้ทำการแจกจ่ายออกไปทั่วเมือง “บัสเตอร์” ไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนซี้เพียงคนเดียว “เอ็ดดี้” คุณชายแกะที่บ้านรวยเงินถุงเงินถังมีคุณยายเป็นอดีตดาราดาวรุ่งของ “โรงละครมูน” สมัยที่พ่อของ “บัสเตอร์” ยังเป็นเจ้าของอยู่ หลังจากที่คัดเลือกตัวแสดงได้แล้ว “บัสเตอร์” เชิญชวน “นาน่า” คุณยายของ “เอ็ดดี้” เพื่อนซี้มาชมการแสดงรอบพิเศษ แต่ทว่า! กรรมเวรของ “บัสเตอร์” ยังไม่จบสิ้นเมื่อผู้เข้าแข่งขันตัวหนึ่งเกิดสร้างปัญหาโรงละครถูกกลุ่มหมีฉกรรจ์มาทำลายสถานที่จัดแสดงเป็นเหตุให้โรงละครพังพินาศ และในที่สุดถูกธนาคารยึดไป




โดยรวมเนื้อเรื่องเน้นไปทางความสัมพันธ์ของครอบครัวซะส่วนใหญ่ เหมือนจะบอกกลายๆ ว่านี่เป็นหนังครอบครัวนะ พาลูกไปดูได้เล๊ยย เอาซี้ พาลูกไปดูกันซี้ แต่หากย้อนกลับไปดูซักนิด เรื่องนี้มีธีมหลักของเพลงที่อายุน่าจะต้อง 20 – 25+ เป็นอย่างน้อย ถึงจะพอฮึมฮัมตามได้ แถมยังมีขวัญใจวัยรุ่นอย่าง “เซ็ธ แม็คฟาร์เรน” บุรุษผู้ซึ่งโผล่ไปที่ไหนก็คงจะไม่พลาดยิงมุขจิกกัด หรือบทพูดเสียดสีตามสไตล์เฮียแก ซึ่งอาจไม่เหมาะนักที่จะพาลูกเล็กมากๆ ไปดู สิ่งที่ทำให้เราไม่ผิดหวังกับการรอคอยครั้งนี้ คือเพลงประกอบที่คอยปล่อยแย๊บๆ ออกมาเบาๆ ตลอดทั้งเรื่อง ฟังได้เรื่อยๆ ไม่มีสะดุด ทุกเพลงเข้ากับทุกเหตุการณ์เป็นอย่างดี จนอยากครีเอทเพลย์ลิสต์นี้ไว้ฟังเองอีกซักที เรียกว่าเป็นแอนิเมชั่นเพลงเพราะระรื่นหู ภาพสวยสบายตา



👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

Tuesday, December 28, 2021

แนะนำภาพยนต์ Sing 2 ร้องจริงเสียงจริง 2 (2021) แก๊งสรรพสัตว์เสียงใส

Sing 2 ร้องจริงเสียงจริง 2 (2021) จะกลับมาเติมเต็มความสนุกอลวนอีกระลอกในกลางปี 2021 กับ "Sing 2" ที่ล่าสุดได้มีการปล่อยทีเซอร์โปสเตอร์ออกมาให้ยลโฉม พร้อมกับเปิดตัวทีมคนดังนักพากย์ที่เข้ามาเสริมทัพในภาคนี้ ที่เป็นสัญญาณเบาๆ ว่าตัวอย่างแรกของหนังกำลังจะออกมา เรื่องราวต่อเนื่อง 'บัสเตอร์ มูน' กับทีมโชว์ของเขา ได้หมายจะออกทัวร์ใหม่ที่โรงละครคริสตัล ทาวเวอร์ แต่ 'จิมมี่ คริสตัล' เจ้าของโรงละครได้เกิดไอเดียดึงตัว 'เคลย์ คาลโลเวย์' อดีตสิงโตขาร็อกมาทำโชว์แทน ทำให้มหกรรมการประชันเสียงครั้งใหม่ได้เกิดขึ้น




เรื่องราวสำหรับในภาคใหม่นี้ยังคงได้ "แมทธิว แมคคอนนาเฮย์", "รีส วิทเธอร์สปูน", "สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน", "ทอรี่ เคลลี่" และ "ทารอน อีเกอร์ตัน" กลับมาให้เสียงพากย์อีกครั้ง พร้อมกับได้ทีมคนดังชุดใหม่มาพากย์เสียง ไม่ว่าจะเป็น "โบโน่" มาพากย์เสียงเป็น เคลย์ คาลโลเวย์ สิงโตร็อกเกอร์ลายคราม, "ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์" พากย์เสียงเป็น อัลฟอนโซ ช้างหนุ่มผู้อบอุ่น, "ฮาลซีย์" พากย์เสียงเป็น ปอร์เช่ ลูกสาวหมาป่าเจ้าของโรงละคร ร่วมด้วย "เลทิเทีย ไรท์" พากย์เสียงเป็น นักเต้นแมวข้างถนน, "เอริก อันเดรย์" พากย์เสียงเป็น จามรีผู้ทะนงตน, "เชลซี เพเรตตี" พากย์เสียงเป็น เลขาสุนัขสาว และ "บ็อบบี คันนาวาเล" พากย์เสียงเป็น จิมมี่ คริสตัล หมาป่าผู้เหี้ยมโหด เจ้าของโรงละครดังในเมือง โดยหนังยังได้ "การ์ธ เจนนิงส์" กลับมานั่งเก้าอี้กำกับอีกครั้ง




โดยในภาคนี้เหล่าสรรพสัตว์ต้องออกเดินทางเข้าสู่เมืองใหญ่ ที่เต็มไปด้วยความฝันของนักแสดง นักร้อง นักเต้น รวมถึงการนำศิลปินระดับตำนานที่ประกาศวางไมค์ไปแล้วกลับมาขึ้นโชว์อีกครั้งให้ได้ ความฝันอันยิ่งใหญ่ เงินรางวัลที่สูงขึ้น และการแสดงสุดเลิศ ทุกอย่างเริ่มต้นที่นี่


👉👉นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา ได้ที่นี่

Monday, December 27, 2021

รีวิว Aggretsuko Season 4 (2021) อั๊กเกรทซูโกะ ซีซั่น 4

Aggretsuko Season 4 (2021) การ์ตูนแอนิเมชันญี่ปุ่น Netflix แอนิเมชัน ดราม่า สร้างโดย Rareko นักแสดงนำ Ben Diskin, Erica Mendez และ G.K. Bowes อั๊กเกรทซูโกะ ซีซั่น 4 น้องแพนด้าแดงจอมห้วร้อนที่ได้เบื่อหน่ายกับชีวิตประจำวันที่ต้องทำงานบนออฟฟิศ ที่ได้ออกมาระบายความเครียดด้วยการตะเบ็งเสียงร้องเพลงสุดลูกคอไปกับเพลงเดธเมทัลหลังเลิกงาน


เรื่องราวของ Aggretsuko Season 4 จะบอกเล่าชีวิตประจำวันของ “เรตสึโกะ” แพนด้าแดงสาวที่มีอาชีพเป็นออฟฟิศและเธอเหนื่อยหน่ายกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงานจนต้องระบายกับดนตรีแนวเดธเมทัลหลังเวลาลิกงาน เนื้อเรื่องจะต่อจาก Aggretsuko SS3 ของแพนด้าแดงจอมหัวร้อน ที่มีวลีเด็ดว่า “ฉันก็สู้คนนะคะ”   แพนด้าแดงตัวจิ๋วเป็นนักบัญชีที่อายุน้อยในตอนกลางวัน และเป็นนักร้องเพลงคาราโอเกะแนวเดธเมทัลในตอนกลางคืน งานอดิเรกที่เธอใช้เพื่อระบายความผิดหวังทั้งหมดที่มาพร้อมกับชีวิตประจำวันของเธอในฐานะพนักงานออฟฟิศ ใครบ้างที่ไม่เคยถูกทิ้งระเบิดเวลาทำงานเมื่อสิ้นสุดวันที่เครียดๆ ในที่ทำงาน? คุณอาจจะออกไปดูรายการทีวีที่คุณชื่นชอบหรืออาบน้ำฟองสบู่ เรทสึโกะพบท้องร่วงเมื่อแต่งแต้มด้วยสีศพ กรีดร้องสุดปอด ความแตกต่างที่เหมือนกัน สูตรดังกล่าวส่วนใหญ่ยังคงใช้ได้ผลในฤดูกาลที่สี่ โดยจัดการกับความขัดแย้งในที่ทำงานด้วยการเอาใจใส่ แม้ว่าจะติดหล่มอยู่ในโรแมนติกคอมเมดี้บางเรื่องก็ตาม




ตั้งแต่เราได้พบกับเรทสึโกะ เธอก็ต้องพบกับความโรแมนติกกับ CEO จอมเจ้าเล่ห์ เจ้านายที่เอาแต่ใจ อันตรายจากการทำงานมากเกินไป และอาชีพไอดอลอายุสั้น ตอนนี้เธอทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังแล้ว เธอกำลังเผชิญกับความท้าทายชุดใหม่: การเปลี่ยนแปลงในที่ทำงานระหว่างเธอกับไฮดา เพื่อนรักของเธอ (เบนจามิน ดิสกิ้น) และความดิ้นรนที่มาจากการเป็นเด็กหนุ่มในการแข่งขันหนูทุกวัน ชีวิต




สรุป Aggretsuko Season 4 นำความไร้สาระและเสียงหัวเราะมาสู่ความเป็นจริงของสถานที่ทำงานจอมบงการ ซึ่งสัมพันธ์กับผู้ชมได้มากเท่ากับซีซั่นก่อนๆ แต่กลับจมปลักอยู่กับความหงุดหงิดและพล่ามไปมาด้วยตัวละครที่น่าหงุดหงิดที่สุดสองสามตัวที่ไม่ได้รับการแก้ไขในช่วงไคลแม็กซ์ของซีซัน ถึงกระนั้น ส่วนใหญ่ก็สนุกพอๆ กับสามภาคแรกเลยค่ะ


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่




Sunday, December 26, 2021

รีวิว EYES ON ME THE MOVIE (2020) หนังของแฟนวงในที่อาจไม่ใช่สำหรับคนวงนอก

Eyes on Me จะประกอบไปด้วยฉากคอนเสิร์ตที่น่าจดจำที่สุดของ IZ*ONE และ WIZ*ONE กระบวนการถ่ายวิดีโอคอนเสิร์ต อัดเพลงใหม่ ซ้อมเต้นและเบื้องหลัง รวมถึงการซ้อมใหญ่ด้วย เนื้อหาส่วนคอนเสิร์ตน่าจะเป็นสัดส่วนราว 70% ของหนัง ได้เห็นน้องๆ วง IZ*ONE แบบตัวใหญ่ๆ เต็มจอ เพลงที่ตัดมาให้ดูมีทั้งเพลงดังอย่าง "La Vie en Rose" หรือ "Violetta" เพลงที่แฟนๆ ชื่นชอบแบบ "Airplane" และ "Highlight" 




เบื้องหลังส่วนใหญ่จะเป็นแค่บรรยากาศการถ่ายทำ VTR นั่นนี่ มันก็แสดงถึงความน่ารักสดใสของสาวๆ ได้อยู่ แต่ไม่ช่วยให้เห็นถึงเบื้องหลัง แนวคิด หรือที่มาที่ไปของคอนเสิร์ตนี้ที่เป็นทัวร์ใหญ่ครั้งแรกของ IZ*ONE เท่าไร เช่นว่า คอนเซ็ปต์คืออะไร เลือกเพลงอย่างไร เรียบเรียงเพลงใหม่อย่างไร ฯลฯ จะมีอยู่บ้างคือช่วงที่เล่าถึงการทำเพลงใหม่ "So Curious" และ "Ayayaya" ที่แบ่งเป็น 2 ยูนิต ซึ่งพาเราไปดูบรรยากาศในห้องอัดและการซ้อมเต้น




สรุปเบื้องหลังก่อนวันคอนเสิร์ตครั้งแรกที่เกาหลี ตัดสลับกับการแสดงบนเวทีคอนเสิร์ต เป็นช่วงๆ ไป ก็จะมีเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหาดูได้จากที่อื่น บทสัมภาษณ์สาวๆ IZ*ONE การหยอกล้อ คววามน่ารัก ของสาวๆ จะทำให้คุณยิ้มได้ อีกสิ่งที่ได้รับรู้จากหนังเรื่องนี้คือคอนเสิร์ต IZ*ONE รอบกรุงเทพนั้นช่างมีคุณภาพที่อ่อนด๋อยเหลือเกิน นอกจากเรื่องที่นั่งไม่มีสโลปที่คนก่นด่าอย่างเป็นเอกฉันท์ ยังมีการตัดโปรดักชันออกไปหลายส่วน อย่างเช่นวงแหวน LED ที่เป็นพร็อพประกอบเวที มันก็ได้อันตรธานไปจากทัวร์บ้านเราอย่างเป็นปริศนา


👉👉นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนัง ซับไทย ได้ที่นี่




Saturday, December 25, 2021

รีวิว ฉากรักวัยฝัน Love Scenery (2021)

ฉากรักวัยฝัน " Love scenery 2021 " เป็นเรื่องราวความรักต่างวัยของพระเอกนางเอก นำแสดงโดยหลินอีและสวีลู่ ใครที่ชอบผลงานการแสดงของหลินอี แอดก็แนะนำเรื่องนี้นะ เป็นซีรีส์ที่ได้กลิ่นความอบอุ่นและโรแมนติกมาก จะดีแค่ไหนกันนะที่อยู่ๆจากแฟนคลับตัวยงเลื่อนสถานะกลายเป็นแฟนตัวจริง


เรื่องราวของเหลียงเฉิน (สวี๋ลู่) เหลียงเฉินเป็นนักร้องสาวชื่อดังที่เพิ่งได้รับรางวัลจักจั่นทองคำและรางวัลนักร้องหญิงยอดเยี่ยมซึ่งเป็นรางวัลดังที่ใช้บ่งบอกว่าศิลปินนั้นได้รับความน่าเชื่อถือและมีความสามารถในการร้องเพลง ในวันที่ประกาศรางวัยเหลียงเฉินได้เจอกับมรสุมอย่างนักเพราะแฟนของเธอแอบไปมีความสัมพันธ์กับนักร้องอย่างหมิ่งหลันจือ (ตู่อวี่เฉิน) ซึ่งเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของเธอ ภายในงานประกาศรางวัลหมิ่งหลันจือได้สบประมาทเหลียงเฉินว่าเหลียงเฉินไม่มีวันได้รางวัลเพราะเธอจะแย่งรางวัลนี้ แต่ผลไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคาดเพราะเหลียงเฉินสามารถกวาดรางวัลไปได้ถึง 2 รางวัลซึ่งทำให้หมิ่งหลันจือเสียหน้ามาก


เมื่อเหลียงเฉินได้รับรางวัลความนิยมของเธอก็เพิ่มขึ้น อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอดังมากคือนักสตรีมมิ่งเกมที่ชื่อว่าเฮอร์แมนได้นำเพลงของเธอไปเปิดเมื่อสตรีมมิ่งเกมนั่นเอง โดยไม่มีใครรู้เลยว่าภายใต้ชื่อเฮอร์แมนนั้นเขาจะเป็นนักศึกษาหัวกะทิที่ชื่อว่าลู่จิ่ง (หลินอี) ลู่จิ่งชอบเหลียงเฉินมาตั้งแต่เขายังเรียนมัธยมเพราะทั้งสองได้เจอกันโดยความบังเอิญโดยในตอนนั้นเหลียงเฉินยังไม่ได้เป็นนักร้อง แต่ความบังเอิญนี้ก็ติดตาและติดใจลู่จิ่งมาเสมอ เมื่อเฮอร์แมนนำเพลงของเหลียงเฉินไปเปิดในเกมทำให้เหลียงเฉินต้องโปรโมทเกมนี้ซึ่งเกมนี้เป็นเกมบิวตี้ฟูลโซลแนวการต่อสู้ ทำให้เหลียงเฉินต้องฝึกเล่นเกมตอนแรกเหลียงเฉินได้วานให้ซุนปินอวี้ (หูอวิ๋นหาว) เพื่อนสนิทของเธอที่เล่นเกมนี้เป็นคนสอนแต่ซุนปินอวี้ไม่อยากสอนเหลี่ยงเฉินเพราะเหลียงเฉินทำให้เขาต้องตายและเสียคะแนนในเกมหลายครั้ง


โดยสรุปซีรีย์เรื่องฉากรักวัยฝัน (Love Scenery) เป็นซีรีย์ที่นำเสนอเรื่องเกมและเรื่องการร้องเพลง เพลงประกอบซีรีย์จึงมีหลายเพลงมากโดยเพลงแรกที่เราจะได้ฟังกันเลยก็คือเพลงที่มีชื่อไทยว่า “ตามสายลม (Favorable Wind)” ซึ่งเพลงนี้จะเป็นเพลงที่ลู่จิ่งใช้เปิดหลังจากสตรีมเมอร์เกมเสร็จแล้ว ขอบอกเลยว่าเพลงนี้เพราะมากและมีความหมายดีมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเพลงอีกหลายสไตล์ให้เราได้ฟังทั้งเพลงป๊อป เพลงร็อคและเพลงทั่ว ๆ ไป ซึ่งแต่ละเพลงก็มีจังหวะที่ไพเราะมากเลยทีเดียว


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่



Friday, December 24, 2021

รีวิว I'm with the Band: Nasty Cherry เราคือนาสตี้เชอร์รี

I'm with the Band: Nasty Cherry สารคดีชุดที่ไม่มีสคริปต์ซึ่งติดตามศิลปินหรือวงดนตรีและผู้ติดตามของพวกเขาขณะเตรียมตัวและออกทัวร์


Charli XCX ระบุว่าเธอต้องการให้ Nasty Cherry เป็น “วงดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก วงดนตรีที่ฉันอยากฟังและได้รับแรงบันดาลใจจากตอนอายุ 15 ปี” คำกล่าวของเธอดูเหมือนเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่เมื่อคุณได้รับการแนะนำให้รู้จักกับกลุ่มผู้หญิงที่รวมตัวกันในครั้งแรก คุณเข้าใจถึงพลังที่เธอนำเสนอ วงเกิร์ลแบนด์ที่ให้พลังงานแบบร็อคแอนด์โรล มีความแปลกประหลาดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และคุณตระหนักดีว่าแต่ละบุคลิกภาพเสริมกัน Charli XCX รู้สึกผ่อนคลายกับโปรเจ็กต์ของเธอ แต่เป็นการยากที่จะไม่เลิกคิ้วที่ซีรีย์ Netflix โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเซสชั่นร็อคกี้แจมครั้งแรก


เรื่องราว เป้าหมายของ Nasty Cherry ในการปล่อยซิงเกิ้ลแรกของพวกเขา Charli XCX กำลังมองหาวิธีลัดที่รวดเร็วในการมอบวิสัยทัศน์ของเธอแก่สาธารณชน วงนี้ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับชาวโลกบนพรมแดงก่อนงานเปิดตัว สภาพแวดล้อมที่จัดในกลุ่มเป็นหม้ออัดความดัน บังคับให้พวกเขากลายเป็นครอบครัวและติดขัดเร็วขึ้น เป็นแนวคิดที่ง่ายต่อการเย้ยหยัน แต่คุณอดไม่ได้ที่จะดูความคืบหน้า ซีรีย์ Netflix อาศัยความเห็นถากถางดูถูกของคุณเพื่อดูว่าวงดนตรีนี้จะคลี่คลายไปสู่โลกที่กว้างกว่าที่เคยเป็นมาได้อย่างไร การมีแพลตฟอร์มดาราที่มีชื่อเสียงภาพลักษณ์ของคุณไปทั่วโลกจะต้องล้นหลาม การสร้างวงดนตรีนี้เป็นความฝันของนักร้อง แต่ยังเป็นการทดลองทางสังคมอีกด้วย


และคุณสามารถสัมผัสได้ถึงความวิตกกังวล จอร์เจีย โซแมรี ลีดเบส เป็นมือใหม่สำหรับเครื่องดนตรีของเธอ Charli XCX เลือกเธอเพียงเพราะว่าเธอมีความสามารถและมีความเฉียบแหลมในแง่มุมที่สร้างสรรค์ได้เร็วกว่าใครๆ แน่นอน ด้วยความกดดันและโมเมนตัมของโซเชียลมีเดียในทันทีทำให้เกิดความขัดแย้งและความตึงเครียดมากมาย เป็นซีรีย์สารคดีเรียลลิตี้ที่สร้างขึ้นเพื่อการล่มสลาย


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

Thursday, December 23, 2021

รีวิว Burlesque (เบอร์เลสก์ บาร์รัก เวทีร้อน)

Burlesque เรื่องราวของสาวน้อย หน้าตาดี จากเมือง ไอโอวา อย่าง อาลี (Aguilera) ที่ต้องทิ้งเมืองที่เธออยู่เหตุเพราะ นายจ้าง ของเธอนั้นมีนิสัยขี้โกง เเละ จ่ายค่าเงินเดือนไม่ตรงตามเวลา จึงทำให้เธอตัดสินใจมาอยู่ในเมืองใหญ่อย่าง LA ซึ่งที่นี้เธอนั้นได้เจอ บาร์เต้นๆ อย่าง Burlesque ที่ทำให้เธอต้อง สัญญากับตัวเองไว้ว่า ต้องทำงานที่นี้ให้ได้ โดยบาร์เเห่งนี้นั้นได้คุมโดย เจ๊สุดโหด อย่าง เทส (Cher) และ เพื่อนร่วมงานเกย์อย่าง ฌอน (Tucci) ซึ่งที่นี้นั้นเธอได้พบหนุ่มในฝันที่ลงตัวกับเธออย่าง เเจ็ค (Gigandet) ซึ่งเธอนั้น จะทำตามความฝันของเธอได้หรือไม่ ติดตามได้


เรื่องราว Ali (Christina Aguilera) สาวจากบ้านนอกออกตามหาความฝัน โดยเดินทางไปยังนครลอสแองเจลิสเมืองแห่งความบันเทิง เพื่อหางานทำ จนในที่สุดก็มาเห็น Burlesque Lounge โรงละครเลิศหรูที่ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ ที่เธอได้เห็นโชว์ตระการตาจนอยากจะไปยืนบทเวทีอย่างนั้นบ้าง จึงตื๊อสุดฤทธิ์ เริ่มด้วยการเป็นสาวเสิร์ฟก่อน และซึมซับการโชว์ไปวันแล้ววันเล่า จนมาถึงวันหนั่ง ที่โชว์หนึ่งของ Nikki (Kristen Bell ) ที่ Tess (Cher) ห้ามไม่ให้แสดงเพราะ Nikki เมาไม่สามารถแสดงได้ จึงให้ Ali ไปแสดงแทน แต่ Nikki ก็แกล้งดึงสายลำโพงออกเพื่อตัดเสียง นั่นก็เป็นจุดกำเนิดของการแสดงที่ใช้เสียงจริงเกิดขึ้น หลังจากที่บาร์แห่งนี้เคยเป็นแต่บาร์ลิปซิงค์มาตลอด ยกเว้นการแสดงของ Tess เองที่จะร้องสด




แต่ก็ใช่ว่าเรื่องราวจะชื่นมื่นเสมอไป ก็ต้องมีอุปสรรคบ้าง รวมทั้งเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับบริกรหนุ่มในบาร์อย่าง Jack (Cam Gigandet) เรื่องการโดนยึดของบาร์จากหนุ่มนักธุรกิจที่แอบชอบ Ali อย่าง Marcus (Eric Dane) และเรื่องอื่นๆ ประกอบไปกับการแสดงโชว์สุดอลังการในบาร์


สรุปหนังเพลงก็ต้องมีเพลงให้ฟัง จะให้ร้องอย่างเดียวมันก็คงน่าเบื่อ ก็ต้องมีเต้นซักหน่อยพอเป็นกระสัย แต่เรื่องนี้ไม่พอเป็นกระสัยล่ะ เต้นกันสุดสวิงริงโก้มาก ผนวกกับเสียงสุดยอดพลังจิตเจ็ดชั้นอย่าง Christina Aguilera ด้วยแล้ว รับรองว่าแค่ฟังเพลงดูโชว์ก็คุ้มแล้ว เพลงในหนังขอยกมาแต่ละเพลงเลยแล้วกันจะได้อิ่มเอม


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนังเอเชีย ได้ที่นี่

Tuesday, December 21, 2021

รีวิว เพนกวิน กลมปุ๊ก ลุกขึ้นมาเต้น (Happy Feet)

Happy Feet นำเสนอด้วยพลังและความมีชีวิตชีวา นกเพนกวินมีความน่ารัก(โดยเฉพาะลูกนก) และนำเสนอด้วยความสมจริงของภาพถ่ายที่มากพอ ที่บางครั้งอาจถูกเข้าใจผิดว่าเดือนมีนาคมเป็นของคู่กันกับเพนกวิน เสียงดนตรีมีชีวิตชีวา แม้ว่าตัวเลือกเพลงบางเพลงจะแปลก


เรื่องราวของเหล่าฝูง นกเพนกวินจักรพรรดิฝูงใหญ่ที่กำลังจะให้กำเนิดทายาทลูก ๆ หลาน ๆ และ หนึ่งในนั้นคือ เจ้าตัวกลมปุ๊กนาม “มัมเบิ้ล”ซึ่ง แทนที่มันจะมีความสามารถ ในการร้องเพลง อย่างเพื่อนฝูง แต่มันกลับมีปมด้อยด้วยซุ่มเสียงที่น่าหนวกหูเสียมากกว่า แต่กลับมีความพิเศษ ด้วยการ สามารถเต้นได้อย่างสนุกสนาน แต่การเต้นของ “มัมเบิ้ล”นั้นก็ไม่ได้รับการยอมรับจากเพื่อนฝูง พี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์แต่อย่างไรและโดยเฉพาะ กับ กลอเลีย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทพิเศษของเค้าในที่สุดเมื่อเค้าโตขึ้น เค้าจึงจำต้องพิสูจน์ตัวตนของเค้าว่าเค้ามีความสามารถเพียงใด




ในดินแดนยิ่งใหญ่แห่งจักรพรรดิเพนกวิน ลึกเข้าไปในทวีปแอนตาร์กติค ที่ซึ่งคุณไม่มีวันเป็นคนสำคัญได้นอกจากจะร้องเพลงเป็นนับเป็นโชคร้ายสำหรับ มัมเบิล (อีไลจาห์ วู้ด) ผู้เป็นนักร้องที่แย่ที่สุดในโลก เขาเกิดมาเพื่อเต้นตามจังหวะของตนเอง …แม้ว่าแม่ของมัมเบิ้ล นอร์มา จีน (นิโคล คิดแมน) คิดว่ามันเป็นนิสัยที่ออกจะน่ารัก แต่พ่อของเขา เมมฟิส (ฮิว แจ็คแมน) บอกว่ามัน “ไม่ใช่พวกเพนกวิน”


นอกจากนี้ พวกเขาทั้งคู่รู้ว่าหากไม่มีเพลงประจำใจ มัมเบิ้ลอาจจะไม่มีวันได้พบรักแท้ เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง เพื่อนของเขา กลอเรีย (บริตตานีย์ เมอร์ฟีย์) เกิดมาเป็นนักร้องที่ยอดเยี่ยมของฝูง มัมเบิลและกลอเรียสื่อถึงกันได้นับแต่วินาทีที่ออกจากไข่ แต่เธอต้องอดทนกับรูปแบบ “ฮิพพิตี้ ฮอพพิตี้” อันแปลกประหลาดของเขา มัมเบิลแตกต่างมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ ผู้เฒ่าโนอาห์ (ฮิวโก้ วีฟวิ่ง) ผู้นำหัวแข็งแห่งดินแดนจักรพรรดิ ซึ่งขับไล่เขาออกจากกลุ่มในที่สุด เมื่อต้องจากบ้านเป็นครั้งแรก มัมเบิลได้พบกับพวกอามีโก้ อะเดอลี กลุ่มเพนกวินที่ดูเท่าใดก็ไม่เหมือนเพนกวินจักรพรรดิ


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่



Monday, December 20, 2021

รีวิว อีหล่าเอ๋ย (2020) Luckily in Love


อีหล่าเอ๋ย (2020) หนังไทยที่มีความน่าสนใจในการนำเสนอ โดยเฉพาะแค่ได้ยินว่าเป็นหนังพูดสำเนียงอีสาน ที่ได้คนทำหนังจากแดนใต้มาเป็นผู้สร้าง และดูเหมือนจะออกมาได้กลมกลืนและน่าพอใจอยู่ เรากำลังพูดถึง “อีหล่าเอ๋ย” หนังไทยเรื่องล่าสุดของ “เอกชัย ศรีวิชัย” ที่มีความรักกุ๊กกิ๊กและสะท้อนชีวิตคนอีสานพลัดถิ่นสู่เมืองกรุง


เรื่องราวเริ่มต้นฉากแรกพบของพระเอกนางเอกอย่าง พง (ตูมตาม ยุทธนา) กับ หล่า (ไข่มุก รุ่งรัตน์ เหม็งพานิชย์) ที่มาสมัครงานวันเดียวกันที่โรงงานทอผ้าแห่งหนึ่งและจากความเข้าใจผิดว่าพงเป็นคนฉกกระเป๋าเธอคืนก่อนก็ทำให้เกิดสงครามย่อม ๆ หน้าโรงงานจนบักหำ (นก พงศกร) และ เขียว (ตั๊กแตน ชลดา) พี่ของทั้งคู่ที่แอบกิ๊กกันต้องมาห้ามทัพ แต่นานวันจากศัตรูที่จ้องเขม่นก็กลายเป็นคนรักที่แอบมีใจให้กันมากขึ้นจนความหวานทำเอาคนรอบข้างเลี่ยนกันทั้งโรงงาน และในขณะที่ความสัมพันธ์ทั้งคู่กำลังเบ่งบาน คุณบิ๊ก (นีโน่ กฤษฎิ์สพล) เจ้าของโรงงานสุดเพอร์เฟกต์ก็เข้ามาขอเป็นคู่แข่งในสนามชิงหัวใจของหล่า งานนี้ผู้จัดการหนุ่มทุ่มทุนสร้างหรือหนุ่มช่างซ่อมที่มีเพียงหัวใจใครจะได้ใจของอีหล่าไปครอง




โดยรวมสิ่งที่เป็นเหมือนธรรมดาเวลาดูหนังอย่างอีหล่าเอ๋ยทั้งการทิ้งโลกความจริงไว้ก่อนเข้าโรงและพร้อมหัวเราะกับทุกมุกที่หนังประเคนให้คือกฎตายตัวเพื่อให้เราดูภาพและฟังเสียงจากหนังตลกบ้าน ๆ เรื่องหนึ่งให้มีความสุข ซึ่งยอมรับเลยว่าหากนี่เป็นอาหารอีสานตามร้านลาบหรือร้านส้มตำมันก็มีรสเผ็ด เค็ม มัน หวาน นัวและแซ่บอย่างที่เราหวังจริง ๆ นั่นแหละ


สรุปทั้งพล็อตเรื่องที่ดูง่ายย่อยง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน มุกตลกที่ขยันปล่อยประหนึ่งเทียบเงินค่าตั๋วกับปริมาณมุกแบบเอาให้เกินต้นทุนตั๋วหนัง เสน่ห์นักแสดงที่ต้องยอมรับว่าแพรวพราวและโดดเด่นกันทุกตัวแม้ว่าจะหามิติของตัวละครไม่เจอเลยก็ตามแต่อย่างน้อยดูจบก็จำได้ล่ะว่าตูมตามขยันถอดโชว์หุ่นโชว์รอยนูนกระบอกข้าวหลามหรือนกพงศกรที่น่าจะให้ภาพยามที่ชวนให้คิดทะลึ่งตึงตังที่สุดในวงการหนังไทย

👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ  รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่

13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix

 13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix เรื่องราวของ อีแวนด์ โกลด์แมน เด็กหนุ่มที่ย้ายมาจากโรงเรียนในนิวยอร์คตามครอบครัว ...