Monday, January 31, 2022

รีวิว Lost and Found Music Studios Season 2

Lost & Found Music Studios ออกแบบมาให้ดูเหมือนรายการเรียลลิตี้ ติดตามนักดนตรีวัยรุ่นที่ทำงานร่วมกันในโครงการหลังเลิกเรียนและทำงานเพื่อโอกาสในการไปทัวร์สดที่ได้รับการสนับสนุนจากสตูดิโอดนตรี การแสดงสำรวจความสำเร็จทางดนตรีของพวกเขารวมถึงความสัมพันธ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นในไตรมาสที่ใกล้ชิดที่ Lost & Found 


เรื่องราวของ เลอา (เคียร่า เกรฟส์) หนึ่งในตัวละครนำหญิงของรายการ เป็นนักแสดงที่มีความสามารถและเข้ารอบอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งตกหลุมรักลุค (เชน ฮาร์ต) อย่างมาก หนึ่งในนักแสดงนำชาย (แฟรงค์ แวน คีเคน ผู้สร้างรายการ ต้องเป็นแฟน Star Wars) ในช่วงซีซันที่หนึ่ง เลอาซ่อนความรู้สึกของเธอที่มีต่อลุคด้วยความตั้งใจที่จะบอกเขา แต่ในซีซันที่สอง เธอตัดสินใจบอกความรู้สึกของเธอกับเขา ซึ่งนำไปสู่เรื่องราวที่น่าสนใจ มีส่วนร่วม และเติมเต็มระหว่างคนทั้งสอง จอห์น (อเล็กซ์ ไซโคว์สกี้) นักแสดงนำชายอีกคนและสมาชิกวง/เพื่อนที่ดีที่สุดของลุค อาจมีเนื้อหาที่ทรงพลังที่สุดเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเขาที่บ้าน ดนตรี และความรู้สึกที่มีต่อ The Next Stepนักเต้น มิเชล – แสดงโดย Victoria Baldesarra โดยไม่ต้องสงสัย จุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของรายการคือความสนิทสนมและการล้อเลียนระหว่างวงดนตรีของลุค ซึ่งประกอบด้วยลุค จอห์น ธีโอ (ลีวาย แรนดัลล์) และเจมส์ (เทรเวอร์ ทอร์ดจ์แมน)



โดยรวมนักแสดงมีความสัมพันธ์ที่โรแมนติก มิตรภาพ และการแข่งขันทางสังคมและดนตรีที่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็มีหลายกรณีที่ผู้คนที่มีภูมิหลังต่างกันและการโน้มน้าวใจทางดนตรีผูกพันกับความหลงใหลที่มีร่วมกัน ตัวละครบางตัวกำลังรับมือกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด เช่น การที่พ่อแม่เสียชีวิตเมื่อเร็วๆ นี้หรืออิทธิพลเชิงลบจากสมาชิกในครอบครัวที่เอาแต่ใจ แต่โดยรวมแล้ว น้ำเสียงเป็นไปในเชิงบวกและยืนยันตนเอง



👉👉 นอกจากนี้ติดตาม รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่

Tuesday, January 25, 2022

รีวิว Cloud (2020) ภาพยนตร์แนวมิวสิคัลดราม่า

Cloud (2020) เป็นภาพยนตร์แนวมิวสิคัลดราม่าเกี่ยวกับชีวประวัติของอเมริกาปี 2020 กำกับและอำนวยการสร้างโดย Justin Baldoni และเขียนบทโดย Kara Holden สร้างจากเหตุการณ์ชีวิตจริงของซัค ( Zach Zobiech ) ผู้เขียนเพลง Clouds หนังที่ต้องการถ่ายทอดความเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนที่ท้อแท้และผิดหวังให้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ นอกจากนี้ตัวซัคหรือแซคได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งและต้องผ่านการให้คีโม เขาจึงน่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่นาน ดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจสร้างเพลงและดนตรีที่น่าจดจำร่วมกับกลุ่มเพื่อนของเขา


เรื่องราวแซค โซบิช นักดนตรีหนุ่มพบว่ามะเร็งของเขาแพร่กระจายไปแล้ว ทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน ด้วยเวลาอันจำกัด เขาเดินตามความฝันและสร้างอัลบั้ม โดยไม่รู้ว่าอีกไม่นานจะกลายเป็นปรากฏการณ์ทางดนตรีแบบไวรัลในช่วงต้นของCloudsแซค โซบิช (ฟิน อาร์กัส) เอาชนะความกังวลใจที่เกิดจากทั้งโรงเรียนมัธยมปลาย ความอึดอัดใจในสังคม และการต่อสู้กับโรคกระดูกพรุนอย่างต่อเนื่องเพื่อขอเอมี่ (แมดิสัน ไอส์แมน) ที่แอบชอบมานานของเขาออกเดท เธอตอบตกลงและพวกเขาวางแผนปิกนิก ในเช้าของวันสำคัญนั้น แซคเริ่มกระอักกระอักกระอ่วนขณะรับประทานอาหารเช้า ซึ่งทำให้ลอร่าแม่ของเขากังวลมาก (ที่จริงแล้วเขียนหนังสือเกี่ยวกับลูกชายของเธอว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีพื้นฐานมาจาก และรับบทโดยนีฟ แคมป์เบลล์) ที่สิ้นเปลือง ไม่มีเวลาพาเขาไปโรงพยาบาล ซึ่งในนั้นปอดของเขามีอันตรายมาก เขาจึงถูกนำตัวเข้ารับการผ่าตัดโดยไม่มีโอกาสแจ้งเอมี่ ทำให้เธอเชื่อว่าเธอยืนขึ้นได้ชั่วคราว นั่นเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนแซคอย่างสิ้นเชิง




โดยรวมเป็นภาพยนตร์ที่ค่อนข้างยุ่งเหยิง ซึ่งมักจะคล้ายกับการทรมานที่แซคกำลังเผชิญความตายอยู่ ที่สำคัญกว่านั้น Justin Baldoni ตระหนักดีว่าจะไม่สร้างรักสามเส้าที่เป็นพิษหรือคำนึงถึงผลกระทบของโรคแม้ว่าClouds จะมาถึงบทสรุปที่ทำลายล้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ยังกังวลเกี่ยวกับการค้นหาความสุขที่สร้างแรงบันดาลใจในขณะที่จ้องมองความตายต่อหน้า เป็นเรื่องราวที่น่าสะอิดสะเอียน แต่ที่ที่Cloudsดำเนินไปอย่างถูกต้องจะทำให้ผู้ชมได้ต่อสู้และใช้ชีวิตอย่างเท่าเทียมกันกับบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญเพื่อนำเอา Schmaltz ทั้งหมด



👉👉  นอกจากนี้ติดตาม รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่

Monday, January 24, 2022

รีวิว My Father’s Violin สอนบทเรียนครอบครัวผ่านดนตรีคลาสสิก

My Father’s Violin ภาพยนตร์ตุรกี ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหญิงและพ่อของเธอผ่านการเล่นไวโอลิน และการมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับอาที่เป็นนักไวโอลินที่ประสบความสำเร็จ ในขณะที่ผู้เป็นอาก็ไม่ได้เต็มใจแต่แรกโดยรวมแล้วเป็นหนังแนวให้กำลังใจ การเตือนให้คนเราระลึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เป็นสายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวที่แม้ว่าอาจจะเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่ได้อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่แรก แต่ในบางครั้งสายเลือดมันก็ยากที่จะตัดกันขาดได้


เรื่องราวของ เอิซเลิม เด็กหญิงที่ตระเวนไปเล่นไวโอลินเปิดหมวกหาเงินกับพ่อ ที่จู่ๆวันหนึ่งเธอต้องสูญเสียพ่อที่ล้มป่วยจนกลายเป็นเด็กกำพร้าอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ความจริงแล้วเธอยังมีคุณอาคนหนึ่งที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน นั่นคือ มาฮีร์ ซึ่งเป็นนักไวโอลินผู้มีชื่อเสียงและมีฐานะร่ำรวยในระดับหนึ่ง ความจริงแล้วมาฮีร์มีความขัดแย้งกับพ่อของเธออย่างรุนแรงและไม่เจอหน้ากันเลยเป็นเวลานานหลายปี ด้านมาฮีร์ก็ไม่ได้อยากจะรับเลี้ยงหลานสาวที่ไม่เคยพบหน้ากันเลยสักครั้งและก็เพิ่งจะรู้ว่ามีตัวตนอยู่ แต่บรรดาเพื่อนๆที่ร่วมเล่นดนตรีเปิดหมวกกับพ่อของเธอต้องการรับเธอไปดูแลเอง เพียงแต่พวกเขาไม่ใช่ญาติ ดังนั้นเลยต้องการลายเซ็นจากมาฮีร์เพื่อรับรองการจับเด็กไปเลี้ยงจากสังคมสงเคราะห์ แต่ก็ยังติดเงื่อนไขว่ามาฮีร์ต้องแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถดูแลเด็กได้อย่างดีในระดับหนึ่งโดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยไปสอดส่องโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้มาฮีร์จำใจต้องรับเอิซเลมมาดูแลชั่วคราวจนกว่าทางสังคมสงเคราะห์จะยอมรับ แต่แล้วการเข้ามาอยู่ร่วมกันของพวกเขากลับกลายเป็นการทลายหัวใจที่เย็นาของมาฮีร์และเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปอย่างไม่น่าเชื่อ




โดยรวมเป็นการนำเสนอดนตรีตัดผ่านอารมณ์ของตัวละคร ประหนึ่งว่าในเวลานั้นตัวละครกำลังมีความรู้สึกอย่างไร ดนตรีและบทเพลงต่างๆ ก็จะถูกบอกเล่าออกมาตามจังหวะอารมณ์ของเหล่าตัวละครในห้วงเวลานั้น ดนตรีและบทเพลงที่เลือกนำมาใช้มีตั้งแต่บทเพลงคลาสสิกของเหล่านักแต่งเพลงชื่อดัง ซึ่งหากเป็นคอดนตรีคลาสสิกก็อาจจะคุ้นหูกันอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็น โมสาร์ท โชแปง บีโทเฟน แต่ก็มีบทเพลงใหม่ๆที่ถูกนำเสนอขึ้นมาในเรื่องด้วย เรียกว่าดูหนังแล้วได้ฟังเพลงคลาสสิกกันแบบเต็มอิ่มไปด้วยเลย


สรุปออกแนวฟีลกู้ดให้กำลังใจดีเรื่องนี้เป็นหนังตุรกีที่ดูง่ายหนังครอบครัวสัญชาติตุรกีที่ค่อนข้างแปลกตา พล็อตเรื่องแนวครอบครัวพื้นๆ โปรดักชั่นธรรมดา แต่กลับทำออกมาดูดีอย่างน่าประหลาด มีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ การแสดงก็โดดเด่นในบางจุด ดนตรีประกอบไพเราะเพลิดเพลินมากค่ะ


👉👉 นอกจากนี้ติดตาม รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

Sunday, January 23, 2022

รีวิว Jiva! (2021) เท้าติดไฟ ใจติดฝัน

Jiva! (2021) เท้าติดไฟ ใจติดฝัน ที่อาจสร้างแรงบันดาลให้ใครหลายๆคนได้ในเวลานี้ กับชีวิตสาวน้อยแห่งอุมลาซีของแอฟริกาใต้ ผู้มีใจรักในการเต้นเป็นชีวิตจริงใจ หากแต่เส้นทางที่เธอชอบไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของครอบครัว ซีรี่ย์เรื่องนี้จะทำให้คุณได้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ และความตั้งใจที่เต็มเปี่ยมของเด็กหญิงที่ไม่ยอมแพ้


เรื่องราวของ เดอร์บันศิลปินริมถนนผู้มีพรสวรรค์จากอุมลาซี ที่ต้องเผชิญหน้ากับความกลัวและรับมือกับการคัดค้านของครอบครัว แต่กระนั้นสาวน้อยก็ไม่หยุด เธอยังมุ่งหน้าเดินก้าวต่อไปบนเส้นทางที่ตัวเองเลือกเพื่อไล่ตามความฝันในการเต้นของเธอให้สำเร็จ โดยได้นักแสดงนำ:โนโซโล ดลามีนี,แคนดิส โมดิเซลเล,สเน เอ็มบาธา มาร่วมงานด้วย





โดยรวมถือว่าเป็นซีรี่ย์ใหม่ที่น่าสนใจอีกเรื่อง Jiva! (2021) เท้าติดไฟ ใจติดฝัน เราชอบเรื่องราวและภูมิทัศน์ของแอฟริกาใต้ที่ไม่เหมือนใคร การออกแบบเครื่องแต่งกายและการกำกับศิลป์นั้นสวยงามและนักแสดงก็มีระดับโลก รวบรวมอุดมคติของวัฒนธรรมความรักและการเต้นรำในแอฟริกาใต้ โดยเดอร์บัน สาวนักเต้นสตรีทแดนซ์มากพรสวรรค์จากอุมลาซี ต้องหาทางเอาชนะความกลัวในจิตใจและเสียงคัดค้านจากครอบครัวเพื่อพิชิตฝันในวงการเต้น


👉👉 นอกจากนี้ติดตาม ดูหนังออนไลน์ฟรี ได้ที่นี่

Friday, January 21, 2022

รีวิว 'Slow Mo' ซิงเกิ้ลใหม่ ในโซโล่เดี่ยว ของ หนุ่ม (BamBam)

Slow Mo ซิงเกิ้ลใหมของ แบมแบม วง Got7  ที่ปล่อยซิงเกิ้ลผลงานเพลงที่สองหลังจากพึ่งปล่อยเพลงแรกใน Mini Album  ไปอย่าง Who are you   ที่พึ่งปล่อยได้ไม่นาน และ วันนี้หนุ่มแบมแบมก็ไม่ทำให้แฟนเพลงผิดหวัง วันที่ 18 มกราคม  2565  เวลา 6 โมงเย็นตามเวลาของเกาหลี  อย่างเพลง Slow Mo ที่มีความหมายว่า เคลื่อนที่ช้า เป็นเพลงที่อยู่ใน (Bam Bam) 2nd Mini Album [B]


โดยเพลง  'Slow Mo'  แนวเพลง  Pop Banger ซึ่งเป็นเพลงฟังง่ายเพลินๆ สามารถเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย และเป็นเพลงทำนองออกสากลอินเตอร์มากๆ  แน่นอนซึ่งแนวเพลงแบบนี้ได้นักร้องเสียงดี อย่างพ่อหมีสีชมพู อย่าง Pink Sweat หรือเจ้าของเพลงดังอย่าง At My Worst มาร่วมแต่งเพลงนี้ด้วย ซึ่งเพลงนี้เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของการมีอยู่ และการสร้างโลกของตัวเองซึ่งอยู่ภายในตัวตนที่ค่อยๆ หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ส่วนด้านคอสตูมเสื้อผ้าในเพลงนี้คือดีมาก ถ้าพูดถึงแบมแบมแล้วคอสตูมก็ต้องเต็มไปด้วยสีสันและความสดใสอย่างแน่นอน แถมความเป็นแฟชั่นนิสต้าของแบมแบมนั้นไม่แพ้ใครบอกเลยว่าดีมากค่ะ แล้วตัดกับสีผมที่สีโทนบลอนขาวบนม่วงชมพูแล้ว บอกเลยหล่อละมุนมากลูก!!!




ในส่วนฉากใน MV  กราฟฟิกดีมากส่วนตัวเราชอบฉากที่เต้นกับพี่ ๆ แดนซ์เซอร์ บนลานกว้างท่ามกลางทุ่งดอกไม้หลากสี ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่เทพนิยาย โลกแห่งฝัน ที่มีแต่ความสดใสตามฉบับแบมแบม สำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปดู MV ของน้องแบมแบมสามารถเข้าไปดูได้ที่ YOUTUBE  BamBam ได้เลยค่ะ





👉👉 นอกจากนี้ติดตาม รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่


Thursday, January 20, 2022

รีวิว เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง (Belle) แอนิเมชันตัวตน โลกเสมือน

Belle เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง นี่คือนิยายต้นฉบับของสุดยอดภาพยนตร์แอนิเมชันรายได้ถล่มทลายในญี่ปุ่นที่ผู้กำกับ มาโมรุ โฮโซดะ เขียนขึ้นใหม่ด้วยตัวเอง เรื่องราวบนโลกเสมือนที่นางเอกได้เป็นสาวสวยร้องเพลงเพราะจับใจ และเฝ้าตามหาตัวตนที่แท้ของอสูร


เรื่องราวของเด็กสาวจากชนบทคนหนึ่งที่กลายเป็นเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงในโลกเสมือนจริง สึสึ (พากย์เสียงโดย Kaho Nakamura) เธอคือเด็กสาวบ้านนอกคนนั้น คนที่มีเรื่องราวฝังใจกับการจากไปของผู้เป็นแม่ ทำให้เธอดูเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบขรึมและไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง เมื่อแม่จากไป เธอจึงอยู่บ้านกันสองคนกับพ่อ สองคนแทบจะไม่เคยพูดคุยกันเลย เมื่อมาอยู่ในโรงเรียนก็ขลุกอยู่กับเพื่อนสนิทอย่างฮิโระจัง (พากย์เสียงโดย Rira Ikuta) ขณะเดียวกันภายในเธอก็ดูจะปรารถนาอยากจะเป็นคนที่งดงาม มีความสามารถ และเป็นที่สนใจเฉกเช่นเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง รุกะจัง (พากย์เสียงโดย Tina Tamashiro) ดูบ้าง แท้จริงแล้ว เธอทำมันได้แล้ว แต่เฉพาะในโลกเสมือน เธอได้ตอบรับคำเชิญเข้าร่วมในโลกเสมือนจริงที่ชื่อ “U” ที่นั่น ทุกสิ่งที่คิดฝันจะสามารถเป็นไปได้ สึสึได้ตัวตนใหม่ในนั้นเป็น ‘เบล’ สาวสวยมีกระบนใบหน้าผู้มีเสียงร้องก้องกังวานขับขานเพลงที่มีท่วงทำนองแปลกใหม่จับใจผู้คน เธอโด่งดังได้ในพริบตา แต่ทว่า ไม่นานก็พบว่ามี ‘ริว’ ปีศาจผู้โหดเหี้ยมและพละกำลังมหาศาลเกิดขึ้น




โดยรวมเพลงเพราะ ภาพสวย ตามแบบฉบับของ อ.โฮโซดะ มาโมรุ เพียงวินาทีแรกของหนัง ก็เปิดให้เราได้พบกับโลกเสมือนที่ชื่อ ‘U’ ดูภาพอันชวนตื่นตะลึง งานภาพสามมิติที่ลดทอนรายละเอียดให้เหมือนภาพการ์ตูนที่ถ่ายทอดจินตนาการอันบรรเจิดให้เราได้พบ เมื่อกลับมาอยู่ในโลกจริง ต้นไม้ ใบหน้า ท้องฟ้า และการจัดวางที่สมบูรณ์แบบ งานภาพที่สวยสดคือสิ่งแรกที่ทุกคนเอ่ยปากชม สิ่งต่อมา คือ เพลงประกอบและเสียงร้องของเบลที่ไพเราะและก้องกังวาน




สรุป Belle คือแอนิเมชันที่วิพากษ์สังคมโลกเสมือน การดำรงอยู่ของ ‘U’ ทำให้เกิดตัวตนที่ทับซ้อน ตัวตนหนึ่ง ผู้คนรับรู้กันทั่วไป อีกตัวตน เคยถูกปิดบังไว้แต่ก่อกำเนิดใหม่จากสิ่งที่ซ่อนเร้นด้วยอุปกรณ์อันแสนพิเศษ ทั้งสองสิ่งจึงเป็นตัวตนของคนๆ เดียวกัน แต่บางสิ่งของตัวตนจริงที่ยังไม่อาจข้ามได้ กำลังถูกตัวตนเสมือนค่อยๆ เร่งให้เกิดความเปลี่ยนแปลง

👉👉 นอกจากนี้ติดตาม ดูหนังจีน ได้ที่นี่

Wednesday, January 19, 2022

รีวิว Riverdance: The Animated Adventure (ผจญภัยริเวอร์แดนซ์)

Riverdance: The Animated Adventure (ผจญภัยริเวอร์แดนซ์) ภาพยนตร์อนิเมชั่นแนวดนตรีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากงานแสดงเต้นรำของยุโรป Riverdance ที่ถูกนำมาตีความใหม่ให้เป็นการผจญภัยสุดตื่นเต้นและความหมายของชีวิตและได้รับคำวิจารณ์ในแง่ผ่าน ๆ ฉายทางสตรีมมิ่งของประเทศอังกฤษ ก่อนลงเน็ตฟลิกซ์ ที่ได้เพียร์ซ บรอสแนน นักแสดงเจมส์ บอนด์ยุคเก๋า มาให้เสียงพากย์


เรื่องราวของ คีแกน เด็กหนุ่มวัยรุ่นผู้กำพร้าชาวไอริชผู้เปี่ยมด้วยความเป็นมิตรและนิสัยดี เขาอาศัยอยู่กับคุณตาคุณยายอย่างอบอุ่นในเมืองเล็ก ๆ ริมชายฝั่ง คุณตาของเขาทำหน้าที่คอยส่องไฟให้กับประภาคารประจำเมืองที่สามารถช่วยเหลือเรือไม่ให้ชนหิน กระทั่งวันหนึ่งคุณตาของเขาได้ฝากฝังอะไรบางอย่างไว้ก่อนที่จะจากโลกไป คีแกนผู้ที่เคว้งคว้างตัดขาดจากทุกอย่างตัดสินใจออกไปสูดอากาศนอกเมืองและได้ถูกไล่ล่าโดยฝูงแกะอันธพาล กระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทหญิงชาวสเปนอย่าง โมยา แต่พวกเขาก็ดันหลุดไปในดินแดนมหัศจรรย์ถิ่นของกวางยักษ์พันธ์ไอริชที่คอยเต้นรำสไตล์ยุโรปที่เรียกว่า “ริเวอร์แดนซ์” ให้สายน้ำไหลลงแม่น้ำคอยเลี้ยงชีวิตของคนที่อาศัยตั้งแต่หลายศตวรรษ ตำนานเล่าลือกันว่ามีนายพรานโฉดต้องการจะล่าพวกมันเพื่อเอาเขาวิเศษไปใช้ปลดปล่อยความชั่วร้าย และผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดก็มาจากคนที่พวกเขาคาดไม่ถึง พวกเขาต้องออกเดินทางค้นหาตัวตนเพื่อปกป้องดินแดนมหัศจรรย์และเมืองของพวกเขาจากความชั่วร้ายที่ดันมีอยู่จริง และผลักดันขีดจำกัดของตัวพวกเขาเพื่อเอาชนะความกลัวในจิตใจไปให้ได้ก่อนทุกอย่างจะสายไป




โดยสรุปการผจญภัยที่พูดไม่ได้เต็มปากว่ามันเป็นการผจญภัยด้วยซ้ำ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยพล็อตโฮลและความไม่สมเหตุสมผลที่มาแบบงง ๆ ไม่มีการขยี้เรื่องราวหรืออะไรสำคัญ เหมือนต้องการจะเล่าให้มันผ่าน ๆ ให้มันจบ ๆ ไป มันเลยเป็นอนิเมชั่นที่ดูได้ แต่ให้กลับมาดูอีก ก็คงไม่เอา เพราะมันทั้งน่าเบื่อ  แต่เรื่องการนำเสนอการเต้นรำที่หนังจงใจขายก็ทำได้ดี แต่พอมันมาอยู่ในอนิเมชั่น มันเหมือนไม่รู้ว่าจะเป็นอนิเมชั่นแบบไหน ผจญภัยหรือการเต้นรำสนุกสนาน อีกทั้งปมของตัวละครก็ถูกพูดขึ้นมาแบบไม่ได้สื่ออะไรกับเรื่องราว  




ส่วนองค์ประกอบที่ถูกกล่าวถึงก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่น่าเกลียดสุดคือเอนเครดิตของหนังเรื่องนี้ ยาวประมาณ 1 ใน 4 ของเรื่องราว ตลอดยี่สิบนาทีนั้นมีแต่เพลงริเวอร์แดนซ์ที่เปิดไล่แทบจะทุกเพลงของเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ เหมือนกับเอาการเต้นกับเวทมนตร์มาผูกโยงให้มันเป็นเรื่องเดียวกัน กลายเป็นประดักประเดิกและไม่น่าสนใจไปโดยปริยาย จนดูจบแล้วก็คือลืม ๆ ไปเลยก็ยังได้


👉👉 นอกจากนี้ติดตาม รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

Tuesday, January 18, 2022

รีวิว CODA หัวใจไม่ไร้เสียง (2021) เด็กจากพ่อแม่ที่เป็นคนหูหนวก

CODA หัวใจไม่ไร้เสียง หนังแนวดราม่า ฟีลกู๊ด อบอุ่นหัวใจ อัดแน่นไปด้วยเสียงเพลงอันไพเราะ หนังตัวเต็งออสการ์ที่กวาดรางวัลยอดเยี่ยมมาแล้วถึง 4 รางวัลจากเวทีเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ ไม่ธรรมดาจริง ๆ  ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่อง La famille Bélier (2014) บอกเล่าชีวิตของรูบีได้จับหัวใจ ชูประเด็นเรื่องหน้าที่ของลูกสาวคนเดียวที่ไม่ผิดปกติในครอบครัวคนหูหนวก  


เรื่องราวบองรูบี รอสซี่ เด็กสาวมัธยมปลายจากครอบครัวที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน  รูบีเป็นคนเดียวในครอบครัวที่หูไม่หนวก ที่ครอบครัวเธอทำอาชีพประมง โดยมีเธอเป็นกำลังสำคัญช่วยเป็นปากและเป็นหูให้ตั้งแต่ยังเล็ก ทุกวันต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกเรือ ทำให้ไปโรงเรียนสายอยู่บ่อยครั้ง แต่เธอไม่เคยบ่น สิ่งที่เธอหลงใหลมีเพียงหนึ่งเดียวคือการร้องเพลง ซึ่งเธอร้องดีเสียด้วย แต่เพราะภาระหน้าที่ของครอบครัวทำให้การทำตามความฝันไม่ใช่เรื่องง่าย




โดยรวมเป็นพล็อตที่บีบคั้นความรู้สึก ดราม่า เรียกน้ำตาอาบแก้ม แต่ระหว่างทางปรับอารมณ์ด้วยความฮา ความโรแมนซ์ที่ทำเผลออมยิ้ม ถึงขั้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมา จัดเป็นหนังฟีลกู๊ด ที่ทำซึ้งน้ำตาซึมและหัวเราะน้ำตาไหลในคราวเดียวกัน ดูแล้วหลงรักรูบีและครอบครัวแอบช่วยลุ้นให้ทุกอย่างลงล็อกจนนาทีสุดท้าย  นอกจากเนื้อเรื่องดีและนักแสดงเล่นดีสมบทบาทแล้ว สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องเสียง เพราะว่าเป็นหนังคนหูหนวก ฉากที่ต้องเงียบจึงต้องทำให้เงียบสนิท เพื่อที่คนดูจะได้เข้าใจความรู้สึกของคนหูหนวกที่ต้องสังเกตความเคลื่อนไหวเอาเอง ซึ่งหนังทำดีบีบหัวใจ ดูแล้วซึ้ง อินตามมากค่ะ





👉👉 นอกจากนี้ติดตาม รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา ได้ที่นี่


Monday, January 17, 2022

Who Are You ผลงานล่าสุด “แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล” ร่วมงานกับ SEULGI (ซึลกิ) จากวง Red Velvet

Pre-Single สุดต๊าช! อย่าง Who are you ที่แค่เห็นรูปทีเซอร์ก็ได้กลิ่นอายความปังแล้ว! พบกันด้วยข่าวดีแก่เหล่าอากาเซ่ และแฟนคลับแบมแบม GOT7 โดยผลงานครั้งนี้แบมแบมได้สาวสวยสายแดนซ์ เสียงทรงพลัง อย่างสาว SEULGI (ซึลกิ) จากวง Red Velvet มาร่วมงานด้วย โดยจะปล่อยเพลงและ MV ออกมาในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ เวลา 16.00 น. (เวลาไทย)


โดยหลังจากดู MV อินโทรดูมีความลึกลับ ปนเศร้าหน่อยๆ ค่ะ กับเสียงกีตาร์และเสียงเปียโนที่เข้ากันอย่างลงตัว มีทั้งหนักแน่นและนุ่มนวล ส่วนตอนท้ายคลิป ดูแล้วน่าจะเป็นเพลงที่มีบีทที่ค่อนข้างหนักค่ะ แล้วยิ่งมีซึลกิ เจ้าแม่ของการเต้นด้วยแล้วนั่น เป็นเพลงที่มีจังหวะบีทชัด เหมาะกับการเต้นมากค่ะ! ส่วนเรื่องคอนเซปต์เอ็มวีน่าจะเกี่ยวกับความสงสัยในตัวเองค่ะ เพราะจะสังเกตเห็นว่ามีกระจกอยู่เยอะเลยในทีเซอร์ เลยน่าจะเป็นโจทย์เกี่ยวกับการค้นหาว่าตัวเรานั่นเป็นใคร จริงๆ แล้วเราต้องการอะไร เหมือนเรายืนมองกระจกแล้วถามตัวเองซ้ำๆ ประมาณนั้นเลยค่า 




เรียกได้ว่าเป็น การกลับมาในรอบ 6 เดือน สำหรับ “แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล”  กับผลงานล่าสุด Who Are You ที่ขึ้นอันดับ 1 บน Chart ประเทศเกาหลีใต้ และเป็นอันดับ 1 บน Top Song Chart ของ iTunes อีกกว่า 24 ประเทศ  อาร์เจนตินา, บราซิล, กัมพูชา, ชิลี, เอสโทเนีย, อิสราเอล, คาซัคสถาน, เคนย่า, ลาว, เปรู, โปแลนด์, ไทย, ตุรกี, มาเลเซีย, มองโกเลีย, ฟิลิปปินส์, ปารากวัย, ฝรั่งเศส, กาตาร์, โคลัมเบีย, เอกวาดอร์, ฟิจิ, สวีเดน และ เอล ซัลวาดอร์ นอกจากนี้ในช่วงที่ปล่อยเพลงวันแรก #WhoAreYouOUTNOW ก็ยังติดเทรนด์อันดับ 1 บน Twitter World Trend อีกด้วย




Who Are You เพลงเกริ่นนำเข้าสู่ 2nd Mini Album ที่สื่อถึงตัวตนของตัวเองในปัจจุบันของแบมแบม ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้แบมแบมได้เปิดเผยตัวตนในหลากหลายด้านของตัวเองให้ทุกคนได้เห็นกันแล้ว แต่พอได้เริ่มทำกิจกรรมในฐานะศิลปินเดี่ยว ทำให้ค้นพบตัวตนของตัวเองที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเพลงนี้ได้ “ซึลกิ” ศิลปินมากความสามารถจากวง Red Velvet มาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในภาพหน้าปกอัลบั้ม, เพลง และMV สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดที่ซ่อนอยู่ของแบมแบม ในอีกรูปแบบหนึ่งที่เปรียบเทียบความเหมือนในความต่างของคนสองคน อีกทั้งเพลงนี้ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยเนื้อเสียงอันทรงพลังที่ผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว 

👉👉 นอกจากนี้ติดตาม รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่

Sunday, January 16, 2022

รีวิว บันทึกการเดินทางของอาราชิ (ARASHI’s Diary -Voyage-)

บันทึกการเดินทางของอาราชิ (ARASHI’s Diary -Voyage-) เป็นภาพยนตร์ซีรี่ย์ที่สร้างจากการบอกเล่าและประวัติความเป็นมาของ อาราชิ  ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 5 คน คือ โอโนะ ซาโตชิ , ซากุไร โช , ไอบะ มะซะกิ , นิโนมิยะ คาซูนาริ และ มัตสึโมโตะ จุงวงไอดอลชายที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น โลดแล่นในวงการบันเทิงมาเป็นเวลากว่า 20 ปี แต่แล้ววันหนึ่งพวกเขาก็ตัดสินใจประกาศพักงาน เพื่อแฟนคลับที่สนับสนุนเขามาโดยตลอด นำมาสู่สารคดีชีวิตของพวกเขา 


เรื่องราวและความรู้สึกของสมาชิกทุกคนในวง ในช่วงปีสุดท้ายก่อนจะพักงานของวงหลังจากสิ้นสุดปี 2020 เป็นการชั่วคราว เพื่อให้สมาชิกของวงแต่ละคนได้ไปพักผ่อน หรือไปทำสิ่งอื่นที่อยากจะทำตามอัธยาศัย หลังจากทุ่มเทการทำงานอย่างหนักหน่วงไม่มีช่วงพักมาตลอด 2 ทศวรรษ พวกเขายืนยันว่านี่เป็นการพักงานจริงๆ ไม่ใช่เป็นการยุบวง นับตั้งแต่ ARASHI เปิดตัวในวันที่ 3 พฤศจิกายน 1999 ก็ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยมียอดขาย CD รวมมากกว่า 40 ล้านแผ่น และการแสดงคอนเสิร์ตที่มีผู้ชมเข้าชมมากกว่า 14 ล้านคน และแล้วในเดือนมกราคม 2019 อาราชิก็ประกาศว่าพวกเขาตัดสินใจพักงานของวง โดยจะพักงานหลังจากปี 2020 ซึ่งเป็นเวลาครบ 20 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งวงมา  หลังประกาศออกปแล้ว อาราชิก็สร้างความเซอร์ไพร์สให้กับเหล่าสาวกของเขา




โดยรวมด้วยการจัดทัวร์คอนเสิร์ตครบรอบ 20 ปี “Arashi Anniversary Tour 5×20” ใน 5 โดมใหญ่ของญี่ปุ่นที่ โตเกียวโดม ณ กรุงโตเกียว , นาโงยะโดม จังหวัดไอจิ , ฟุกุโอกะ ยะฟุโอคุโดม ณ เมืองฟุกุโอกะ , เคียวเซร่าโดม ณ เมืองโอซาก้า และซัปโปโรโดมที่ฮอกไกโด ถึง 50 รอบ และออกอัลบั้มรวมเพลงฮิต 5×20 All the BEST!! 1999-2019  และออกเพลงใหม่ในชื่อซิงเกิ้ลว่า “Brave” และจัดนิทรรศการ Arashi Exhibition Journey



👉👉  นอกจากนี้ติดตาม ดูหนังออนไลน์ไทย ได้ที่นี่

13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix

 13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix เรื่องราวของ อีแวนด์ โกลด์แมน เด็กหนุ่มที่ย้ายมาจากโรงเรียนในนิวยอร์คตามครอบครัว ...