Monday, February 28, 2022

รีวิว ดิ เอ็ดดี้ คลับแจ๊สเมืองฝัน (The Eddy) นักเปียโนแจ๊สที่หนีอดีตขมขื่นจากนิวยอร์กสู่ปารีส

ดิ เอ็ดดี้ คลับแจ๊สเมืองฝัน  (The Eddy)   เจ้าของแจ๊สคลับในกรุงปารีสต้องเข้าไปพัวพันกับอาชญากรอันตรายขณะที่เขาพยายามต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อปกป้องธุรกิจ วงดนตรีและลูกสาววัยรุ่นของตัวเอง นักแสดงนำ:อังเดร ฮอลแลนด์,โยอันนา คูลิก,อแมนด์ลา สเตนเบิร์ก


เรื่องราว เอลเลียต (อังเดร ฮอลแลนด์) นักเปียโนแจ๊สที่หนีอดีตขมขื่นจากนิวยอร์กสู่ปารีส หมุดหมายของศิลปินทั่วโลกเพื่อเปิดคลับแจ๊สชื่อ ดิ เอ็ดดี และที่ปารีสนี่เองที่เขาได้มีโอกาสทั้งพบรักกับ มายา (โจแอนนา คูลิก) นักร้องสาวที่รอให้ความชัดเจนในความสัมพันธ์กับเขา และ จูลี่ (อแมนดลา สแตนเบิร์ก) ลูกสาวที่ถูกแม่ส่งตัวมาอยู่กับพ่ออย่างเขา นอกจากต้องประคองกิจการให้อยู่รอดทั้งที่ลูกค้าร่อยหรอลงไปทุกวันแล้ว เอลเลียต ยังต้องเผชิญกับคดีความสำคัญเมื่อ ฟาริด (ทาฮาร์ ราฮิม) หุ้นส่วนและเพื่อนแท้คนสำคัญถูกฆาตกรรม และยังมีมาเฟียมาคอยรังควาน ทำให้เอลเลียตต้องสืบหาความจริงไปควบคู่กับการกอบกู้ศรัทธาวงเพื่อสร้างงานศิลปะในเมืองแห่งฝันอย่างปารีสให้จงได้


โดยภาพรวมของซีรีย์ดูกระท่อนกระแท่น และด้วยการดำเนินเรื่องแบบต่อนยอน เดี่ยวเล่า เดี๋ยวเล่นดนตรี ก็ทำให้ใครหลายคนอาจอยากเบือนหน้าหนีเสียมากกว่า ถ้าไม่ติดว่าเพลงแจ๊สแต่ละเพลงถ่ายทอดออกมาได้เพราะ และมีสุนทรียะมาก ๆ แล้วเราก็แทบไม่มีเหตุผลอะไรต้องติดตามเรื่องราวจากต้นไปจนจบ ซึ่งสาเหตุหลักน่าจะมาจากการที่บทของซีรีย์ไม่ได้กำหนดทิศทางชัดเจนและความสมดุลของแนวหนังทั้งสืบสวน ทั้งรัก ทั้งครอบครัว และดรามาสะเทือนอารมณ์ ไม่ได้เน้นหนักหรือให้ความสำคัญไปทางใดทางหนึ่งเลยทำให้ตัวซีรีย์ยากมากที่จะสนองตอบความพึงพอใจของคนดูสักกลุ่มหนึ่งไปโดยปริยาย



👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่

Sunday, February 27, 2022

รีวิว กลี (Glee) season 6 สมาชิกของ New Direction กลับมารวมกันอีกครั้ง


กลี (Glee) season 6  เป็นซีรีย์วันรุ่นที่ผสมผสานความเป็น musical บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นแห่งโรงเรียนมัธยมปลาย William Mckinley High School ที่รวมตัวกันก่อตั้งวงประสานเสียงที่ชื่อว่า New Direction ฝึกซ้อมโดยครูสอนภาษาสเปน Will Schuester ซึ่งคุณครูและเด็ก ๆ ต่างก็มีเป้าหมายของทีมเดียวกันก็คือ การชนะการประกวดร้องเพลงในระดับประเทศ ทุกคนตั้งใจฝึกซ้อมกันเป็นอย่างมาก


เรื่องราวของชีวิตในวัยมัธยมได้อย่างครอบคลุมในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว เพื่อน ความรัก หรือแม้แต่เรื่องเพศ โดยในซีรีย์ก็ได้พูดถึงกลุ่ม LGBT ผ่านตัวละคร อย่าง Kurt ที่มันจะโดนเพื่อนผู้ชายแกล้งเพียงเพราะว่าเขานั้นเป็นเกย์ ในตอนแรกเขาก็ลำบากใจมากเพราะพ่อเขาเองก็ไม่ทราบว่าเขาเป็นเกย์ แต่เมื่อเขากล้าที่จะบอกพ่อทำให้เขามีความมั่นในใจตัวเองได้มากขึ้น และเหนือสิ่งอื่นใดที่ดีสำหรับเขาเลยก็คือ การที่พ่อเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็นนอกจากตัวละครที่เป็น LGBT แล้ว ซีรีย์ก็ยังนำเสนอตัวละครที่เป็นผู้พิการ มีทั้งคนที่ต้องนั่งบนรถเข็น และเป็นดาวน์ซินโดรม โดยเล่าออกมาให้เราได้เข้าใจบุคคลเหล่านี้มากขึ้น ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะไม่พร้อมแต่เขาก็มีพรสวรรค์ที่จะทำให้ทุกคนต้องตะลึงอย่างแน่นอน



ซีซัน 6 อธิบายการขาดงานของพวกเขาโดยบอกเราว่าซูบังคับให้พวกเขาทุกคนย้ายไปเรียนที่โรงเรียนอื่นหลังจากที่เธอเลิกชมรมความยินดี คนเดียวที่รอดชีวิตจากการคัดออกคือ เชียร์ลีดเดอร์ที่น่ารังเกียจ Kitty Wilde ผู้ที่กลับมาในซีซั่น 6 ... แม้ว่าเธอจะไม่มีความสุขมากเกินไปกับวิธีการที่ New Directions และอดีตแฟนหนุ่ม Artie ปฏิบัติต่อเธอในอดีต


โดยรวมภาพยนตร์หรือซีรีย์ที่เป็นแนว musical เมื่อดูแล้วเชื่อว่าทุกคนจะต้องหลงรักความเป็น Glee อย่างแน่นอน และบทเพลงที่นำมาร้องก็มีไม่ซ้ำ รับรองได้เลยว่าร้องตามได้แน่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพลงของ Britney Spear, Michael Jackson, Katy Perry หรือ Lady Gaga การนำบทเพลงต่าง ๆ มาขับร้อง มาเต้น โดยบทเพลงมีหลากหลายทั้งเพลงของนักร้องที่เป็นตำนาน หรือเพลงที่โด่งดังในช่วงเวลานั้น บอกได้เลยว่าทีมนักแสดง และผู้กำกับจัดเต็มกับทุกฉากที่มีการร้องมาก เล่นใหญ่สุด ๆ


👉👉  ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา ได้ที่นี่

Friday, February 25, 2022

รีวิว ทายาทพันธุ์ข้าวเหนียว กับการพลิกบทบาทซุปเปอร์ลูกทุ่งเมืองไทย ต่าย อรทัย และ ไผ่ พงศธร


ทายาทพันธุ์ข้าวเหนียว กับการพลิกบทบาทซุปเปอร์ลูกทุ่งเมืองไทย  นำแสดงโดย ไผ่ พงศธร, ต่าย อรทัย, ไข่มุก รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช, ก้อง วิทยา เทพทิพย์ ทางช่อง ONE31 ทุกวันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 1 ทุ่มตรง กับเรื่องราวศึกชิงมรดกน้ำพริกพันล้าน ระหว่างพี่น้องสายเลือดพันธุ์ข้าวเหนียว ซึ่งการกลับมาเจอกันครั้งนี้ จะยิ่งทวีคูณความจิ้นปนหวาน และความแซ่บแบบยกกำลัง 2 พร้อมเสริมทัพด้วยนักแสดงและนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง



เรื่องราวความขัดแย้งในธุรกิจข้าวเหนียวแปรรูป เมื่อเถ้าแก่บุญโฮม คำแพงกุล(วิทย์-ภูธฤทธิ์) เจ้าของโรงงานข้าวเหนียวแปรรูปได้เสียชีวิตลง พร้อมทิ้งพินัยกรรมยกมรดกให้กับ เจ้ย (ต่าย อรทัย) ลูกเมียน้อยของเถ้าแก่ จนสร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาลูกคนอื่นๆ ทำให้พี่น้องทะเลาะกันอย่างรุนแรง ฟาก พริม (ไข่มุก-รุ่งรัตน์) หลานสาวคนเดียวของเถ้าแก่บุญโฮมก้าวขึ้นมารับตำแหน่งบริหาร โดยมี อาชวิน (ก้อง-วิทยา) เด็กกำพร้าที่เถ้าแก่อุปการะคอยช่วยเหลือ แต่พริมกลับถูกลอบทำร้ายจากคนที่ไม่หวังดี เจ้ยจึงว่าจ้าง หมวดเคน(ไผ่ พงศธร) เข้ามาปกป้อง งานนี้เรื่องสนุกสนานระเบิดเถิดเทิงจึงได้เริ่มต้นขึ้น!! พร้อมกับศึกระหว่างพี่น้องสายเลือดพันธุ์ข้าวเหนียว




งานนี้เรื่องสนุกสนานระเบิดเถิดเทิงจึงได้เริ่มต้นขึ้น!! พร้อมกับศึกระหว่างพี่น้องสายเลือดพันธุ์ข้าวเหนียว แต่จะม่วนซื่น อลหม่านขนาดไหน? ติดตามได้ในละคร “ทายาทพันธุ์ข้าวเหนียว” เพิ่งออกอากาศไปได้เพียง 2 ตอน แต่เรตติ้งปัง!! สมการรอคอย สำหรับละคร “ทายาทพันธุ์ข้าวเหนียว” ที่เมื่อวันพฤหัสบดี (17 ก.พ.) ที่ผ่านมา สร้างปรากฏการณ์ทำเรตติ้งสูงถึง 5.319 (Nielsen 15+ ทายาทพันธุ์ข้าวเหนียว ep.2) ทำเอานางเอกของเรื่องอย่าง ต่าย อรทัย แฮปปี้ ยิ้มแก้มปริ กับกระแสตอบรับจากแฟนๆ




👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่

Thursday, February 24, 2022

รีวิว ข้างหลังภาพ เดอะมิวสิคัล ละครเวทีที่ทุกคนจำไม่ลืม

ข้างหลังภาพ เดอะมิวสิคัล เป็นอีกหนึ่งเรื่องละครเวที ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เป็นละครเวที จาก นวนิยายเรื่อง ข้างหลังภาพ บทประพันธ์ อมตะของ ศรีบูรพา ที่ถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ และในรูปแบบภาพยนตร์อยู่หลายครั้ง จนในปี 2551 ค่าย เอ็กแซ็กท์ & ซีเนริโอ อำนวยการสร้างโดย ถกลเกียรติ วีรวรรณ ได้มาสร้างเป็นละครเวที โดยจัดแสดงทั้งหมด 49 รอบการแสดง ซึ่งจับ แพท สุธาสินี พุทธินันทน์ และ บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว มาถ่ายทอดเรื่องราวความรักของรักต่างวัย ซึ่งวันนี้เราจะขอย้อนรำลึกความรักสุดแสนโรแมนติก กับบทเพลงและเรื่องราวที่ทุกคนยังจำไม่ลืม


เรื่องราวความรัก ต่างวัย ของ นพพร ชายหนุ่ม อายุ 22 ปีที่จากบ้านมาไกลถึงต่างแดน ผู้ที่ไม่รู้จักความรักมาก่อน กับ หม่อมราชวงศ์กีรติ หญิงวัย 35 ที่มาฮันนีมูลกับสามี ที่ประเทศญี่ปุ่น  ทั้งสองได้มีโอกาศใกล้ชิดกันและก่อเกิดเป็นความรัก ที่ต่างสถานะเป็นความสับสนที่เกิดขึ้นจากเงื่อนไขของวัย และ สังคม ความรักของทั้งสองได้ก่อเกิดขึ้นและมีความหลังมากมาย ในบรรยากาศท่ามกลางแมกไม้ สายธาร ที่ มิตาเกะ ภูมิภาพอันสวยงามของประเทศญี่ปุ่น ที่ที่สองคนได้พบกัน


โดยรวม ฉาก ทุกฉากที่สวยงาม น่าทึ่งกับฉากหลายๆฉากที่เกิดขึ้นบนเวที ไม่ว่าจะเป็นฉาก รถไฟที่ญี่ปุ่น  เรือ การแสดงประเพณี ฤดูร้อน ของญี่ปุ่น  และที่จะลืมพูดถึงไม่ได้ ก็คือฉาก น้ำตก ที่ มิตาเกะ   ซึ่งมีน้ำ จริงๆ อยู่บนเวที และได้สร้างสรรค์บรรยากาศ แมกไม้ สายน้ำ ที่สวยงาม ราวกับได้อยู่ไปในสถานที่จริงๆ ของน้ำตกที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความรักความหลังของ นพพร และคุณหญิงกีรติ   เป็นอีกความประทับใจจากการคิดและการสร้างสรรค์ ผลงานให้เราได้ชมอีกครั้ง




👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่





Wednesday, February 23, 2022

รีวิว เดสเซนแดนท์ส รวมพลทายาทตัวร้าย (Descendants) ภาค1

เดสเซนแดนท์ส รวมพลทายาทตัวร้าย (Descendants) เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวในจักรวาลดิสนีย์ บอกเล่าเรื่องราวภาคต่อของเหล่าเจ้าชาย เจ้าหญิง และตัวร้ายวัยรุ่นยุคใหม่ ซึ่งเป็นรุ่น "ทายาท" ของตัวละครดังใน "เทพนิยายดิสนีย์" หลังจากเจ้าชายเจ้าหญิงในเทพนิยายฉบับออริจินัลได้จบแบบ Happily Ever Afters กันถ้วนหน้า พวกเขาได้เนรเทศและกักบริเวณเหล่าตัวร้ายทั้งหลายไปอยู่บนเกาะ Isle of the Lost


เรื่องราวในนิทานได้จบลง เหล่าตัวร้ายถูกขับไล่ออกจากดินแดน Auradon ที่ปกครองโดยเบลล์และเจ้าชายอสูร ให้ไปอาศัยอยู่บนเกาะที่ชื่อว่า Isel of the Lost และเมื่อวันเวลาผ่านไป ถึงเวลาเปลี่ยนพระราชาจากเดอะบีสต์ เป็นลูกของเขา Ben ที่ขึ้นมารับราชบัลลังก์ Ben เสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงว่าไม่ควรขังพวกเขาไว้บนเกาะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถอยู่ร่วมกับเหล่าตัวร้ายได้ โดยเสนอให้ทดลองเชิญทายาทของเหล่าตัวร้าย 4 คน ได้แก่ Mal(ลูกสาวของ Maleficent จาก Sleeping Beauty) Evie(ลูกสาวของ Evil Queen จาก Snow White) Jay (ลูกชายของ Jafar จาก Aladin) Carlos(ลูกชายของ Cruellar de Vill จาก 101 Dalmatians) มาเข้าเรียนที่ Auradon เพื่อดูความประพฤติ และสอนด้านดีๆให้พวกเขาได้รู้จัก หากพวกเขาเปลี่ยนแปลงได้ ก็จะเป็นนิมิตหมายที่ดีในการที่จะอยู่ร่วมกันได้ในสักวันหนึ่ง



โดยรวมหนังเรื่องนี้เป็นหนังมิวสิคัล มีเพลงประกอบค่อนข้างเยอะและเนื้อเรื่อง ตัวละครต่างๆถ้าจะดูให้รู้เรื่องและเข้าใจมากขึ้นควรมีพื้นฐานความรู้ในเรื่องราวของเจ้าหญิงดิสนีย์มาคร่าวๆนะคะ เช่น เจ้าหญิงนิทรา ตัวร้ายในเรื่องคือใคร แล้วเขาสาปเจ้าหญิงนิทราว่าอะไร, ในเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร ตัวร้ายคือใคร ใครแอบชอบเบลล์ อะไรประมาณนี้ค่ะ ถ้าเรารู้เรื่องราวมาก่อนเวลาได้ดูหนังเรื่องนี้ก็จะอินเป็นพิเศษและจะเข้าใจคำพูดเล็กๆน้อยๆของตัวละคร แต่ถ้าใครที่ไม่ได้รู้เรื่องราวเหล่านี้มาก่อนเลย ถามว่าจะดูรู้เรื่องไหม เราต้องตอบว่า รู้เรื่องค่ะ แต่อาจจะไม่ได้อินหรือเข้าใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเท่ากับคนที่รู้เรื่องราวมาก่อนค่ะ


สรุปในหนังภาคแรกเราจะได้ตัวละครที่คุ้นเคย เช่น เบลล์ เดอะบีสต์ นางฟ้าแม่ทูนหัว มาเลฟิเซนท์ อีวิลควีน จาฟาร์ และครูเอลลาร์ ที่จะมาเล่าเรื่องราวเกริ่นนำถึงเรื่องราวตอนรวมอาณาจักร และขับไล่เหล่าตัวร้าย แต่หลังจากนั้น เราจะได้หลงรักกับตัวละครรุ่นลูก ที่เป็นนักแสดงหลักของเรื่องนี้ อย่าง มาล อีวี่ และเบ็น และด้วยความที่หนังเป็นดิสนีย์ บทละคร ความสดใหม่ ความสนุกที่ได้ และเพลงประกอบ เรียกว่าไม่มีที่ติจริงๆ


👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

Monday, February 21, 2022

รีวิว โชว์แมนบันลือโลก (The Greatest Showman) มิวสิคัลบันเทิงดีๆ กับ เส้นทางฝันที่ต้องไขว้คว้า


โชว์แมนบันลือโลก (The Greatest Showman) กำกับโดย Michael Gracey โดยอ้างอิงเรื่องราวมาจากชีวิตของ P. T. Barnum (1810 – 1891) เจ้าของคณะละครโชว์สุดยิ่งใหญ่ หนังเล่าเรื่องราววัยเด็กสุดลำบากของบาร์นัม จนได้ก้าวมาถึงจุดสูงสุดของชีวิต


เรื่องราวของ "พี.ที. บาร์นัม" คนดังในประวัติศาสตร์อเมริกา เขาเป็นเด็กยากจนที่ตกหลุมรักหญิงชนชั้นสูง ทั้งคู่ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ร่วมกันมามากมาย เขาเป็นชายผู้มีความมุ่งมั่นที่ตั้งใจจะทำให้ครอบครัวมีฐานะมั่งคั่งร่ำรวย ในขณะที่บริษัทที่บาร์นัมทำงานอยู่เจ๊งไม่เป็นท่า เขาก็ได้พบกับไอเดียที่จะสามารถทำเงินได้มหาศาล นั่นก็คือพิพิธภัณฑ์ของแปลก แต่ไอเดียนี้ก็ยังไม่โดนใจผู้ชมสักเท่าไหร่ เขาจึงได้เปลี่ยนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ให้กลายเป็นคณะละครสัตว์ ที่รวบรวมคนที่มีความแปลกเข้าไว้ด้วยกัน และแล้วพวกเขาได้ร่วมกันสร้างสรรค์โชว์สุดพิเศษจนประสบความสำเร็จในที่สุด



โดยรวมในหนังมีหลากหลายประเด็นให้เราได้ติดตาม ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของนายบาร์นัมจากจุดต่ำสุดของชีวิต สู่จุดสูงสุดของชีวิต ความฝัน ความรัก ความหลง และเรื่องครอบครัว อีกประเด็นหลักที่หนังต้องการนำเสนอ ประเด็นเรื่องความความเท่าเทียมในยุคที่คนเชื้อชาติอื่นและคนที่แตกต่างจากอื่นถูกดูถูก ก็ถูกนำเสนอออกมาได้เข้าใจง่าย ชัดเจน สอดคล้องกับปัจจุบันที่มีการรณรงค์เรื่องสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมของคนทุกเชื้อชาติ  แต่หนังก็ไม่ได้เน้นแตะประเด็นเหล่านี้ลึกชนิดที่สามารถกำหัวใจเราได้อยู่หมัด เป็นเพียงการแตะคร่าวๆเพื่อสร้างประเด็นในการขับเคลื่อนเรื่องราว

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนังออนไลน์ฟรี ได้ที่นี่


Sunday, February 20, 2022

รีวิว 2538 อัลเทอร์มาจีบ (Back to the 90s)

2538 อัลเทอร์มาจีบ  เป็นหนังแนวย้อนเวลาและมีกลิ่นอายของดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟ "ก้อง" เด็กหนุ่ม ม.ปลาย ที่บังเอิญไปเจอเพจเจอร์เก่า ๆ และเพจเจอร์เครื่องนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ต้องเดินทางย้อนไปในปี พ.ศ. 2538 ปีเกิดของก้องและเป็นปีที่วัยรุ่นนิยมฟังเพลงอัลเทอร์เนทีฟกันแบบสุด ๆ  ก้องได้พบกับ "ตั้ม" และ "แหม่ม" พ่อแม่ของเขาในตอนที่ยังเป็นหนุ่มสาว ทั้งคู่มักจะทะเลาะกันเพราะ "ส้ม" สาว ม.ปลาย ที่แอบรักตั้มอยู่ข้างเดียว เพื่อไม่ให้ส้มเข้ามาเป็นมือที่สามระหว่างพ่อกับแม่ ก้องจึงต้องเอาเธอมาจีบเองซะเลย 


เรื่องราว 'ก้อง' เด็กหนุ่มที่เกิดมาในยุคปัจจุบัน ภายในครอบครัวที่มีปัญหามือที่ 3 ของพ่อ ('ตั้ม') และแม่ ('แหม่ม') โดยก้องบังเอิญค้นเพจเจอร์เก่าของพ่อในห้องเก็บของเจอ ว่าผู้หญิงที่เป็นประเด็นอีกคนหนึ่ง คือ 'ส้ม' หญิงสาวที่มาชอบพอตั้มตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ด้วยความเป็นเด็กทำให้ก้องทะเลาะกับพ่อ และตั้งใจจะโทรกลับไปหา 'ส้ม' ตามเบอร์ที่ส่งมาในเพจเจอร์ แต่โทรศัพท์ของเขาดันเกิดเหตุขัดข้อง ก้องจึงตัดสินใช้โทรศัพท์สาธารณะที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน ทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าเข้าที่ตู้โทรศัพท์อย่างจังจนพาก้องย้อนเวลากลับสู่ พ.ศ. 2538 และแล้วเรื่องราวยุ่ง ๆ ของตั้ม แหม่ม และส้ม ก็เกิดขึ้นให้ก้องได้ทราบความจริง



โดยรวมเป็นภาพยนตร์ไทยอีกหนึ่งเรื่อง โดยส่วนตัวคิดว่าอาจจะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหากินใจ หรือปมลึกลับซับซ้อนมากมายนัก แต่นำเสนอออกมาได้เบาสมอง พร้อมทั้งสอดแทรกความตลกขบขันตลอดทั้งเรื่อง ทำให้เรื่องนี้เหมาะสำหรับดูกันเป็นครอบครัว หรือไม่ก็ดูยามที่ไม่ต้องการใช้ความคิดมากนัก นอกจากหนังเรื่องนี้เป็นหนังเพลงที่จะพาคุณกลับไปเห็นบรรยากาศต่าง ๆ ในยุค 90s แล้ว ยังมีเพลงประกอบหนังเพราะ ๆ หลายเพลงให้ได้ฟังกันอีกด้วย แฟนเพลงอัลเทอเนทีฟห้ามพลาดเด็ดขาดค่ะ




👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่

Saturday, February 19, 2022

รีวิว Jeen-yuhs: A Kanye Trilogy คานเยแบบไตรภาค (2022)

Jeen-yuhs: A Kanye Trilogy  (2022)  เป็นภาพยนตร์สารคดี กำกับโดย Coodie & Chike เกี่ยวกับชีวิตของศิลปิน โปรดิวเซอร์เพลง นักธุรกิจ และนักออกแบบแฟชั่น Kanye West แบ่งออกเป็นสามองก์ ปิดตัวทาง Netflix ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ โดยส่วนที่สองและสามจะเข้าสู่บริการสตรีมมิ่งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ และ 2 มีนาคมตามลำดับ


ด้วยอัลบั้มที่ 11 ของ Kanye West ที่จะเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ ระหว่างการเปิดตัวสารคดีสามตอนของ Netflix jeen-yuhs: A Kanye Trilogy ดูเหมือนหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่แร็ปเปอร์จะปล่อยคำด่าทางโซเชียลมีเดียครั้งต่อไป  บางคนอาจเรียกมันว่าการแสดงผาดโผนในการประชาสัมพันธ์ แต่ซีรีส์ภาพยนตร์นำเสนอการดูเบื้องหลัง สำรวจ วิธีที่ West ตอบสนองต่อแรงกดดันและมักจะแตกออกภายใต้น้ำหนักของมัน อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือนาฬิการันไทม์ทั้งหมดของไตรภาคนี้อยู่ที่สี่ชั่วโมงครึ่ง และผลที่ได้มักจะไม่โฟกัสอย่างมาก ด้านหนึ่งเป็นผลพลอยได้จากภาพยนตร์ที่ดึงมาจากฟุตเทจกว่า 20 ปี ในทางกลับกัน ความใกล้ชิดของผู้กำกับกับเรื่องทำให้พวกเขาสามารถเจาะลึกได้เท่านั้น


โดยรวมภาพยนตร์แต่ละเรื่องใช้เวลาประมาณ 90 นาทีและมีกำหนดเข้าฉายทุกสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ผลงานแรกในชื่อ “act i: VISION” เปิดตัวพร้อมทีเซอร์สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยการแนะนำให้เรารู้จักกับ Kanye West ในปี 2020 ภาพวาดของ ความทะเยอทะยานทางการเมืองล้มเหลวและเสื้อทหารหวาดระแวง การแอบมองหลังม่านของ West เวอร์ชันนี้ถือเป็นโอกาสอันน่าดึงดูดใจ เนื่องจากเขาเคยได้ชมแว่นตาในที่สาธารณะหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม “คานเย คนใหม่” ที่มีดวงตาที่จมอยู่นี้ ไม่ปรากฏขึ้นอีกจนกว่าจะถึงบทที่สาม หลังจากรันไทม์ประมาณสี่ชั่วโมงที่เล่นน้อยกว่าเรื่องเดียวและเหมือนการเล่าขานถึงชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของเวสต์อย่างครอบคลุม ให้ดีขึ้นและแย่ลง




โดยสรุปแนวคิดที่ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนออย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดผ่านงานนิทรรศการส่วนตัวก็คือ ทั้งสองฝั่งของตะวันตก ซึ่งคนทั่วไปอาจมองว่าต่างกันไป เป็นคนละด้านของเหรียญเดียวกัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้สร้างภาพยนตร์ได้เข้าถึงชีวิตส่วนตัวของเวสต์ ซึ่งรวมถึงช่วงเวลาที่มีแม่ของเขา ดอนดา เวสต์ การปรากฏตัวที่อ่อนหวานและสร้างแรงบันดาลใจอย่างเหลือเชื่อ ด้วยการนำเสนอการสนับสนุนอย่างกระตือรือร้นต่อลูกชายของเธอ ซีรีส์นี้จึงรวบรวมต้นแบบอื่นๆ ในรูปแบบของความมั่นใจในตนเองที่เปล่งประกายของเขา ซึ่งในที่สุดจะกลายเป็นความเย่อหยิ่งฉาวโฉ่ของเขาในขณะนี้ Coodie เล่าเรื่องทั้งเรื่องด้วยความจริงใจ และในขณะที่เขาอาจไม่ได้แสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจนเกี่ยวกับวิวัฒนาการนี้ เพียงนำเสนอทั้งสองด้านของตะวันตก (ก่อนและหลังการตายของแม่ของเขา) ก็เพียงพอแล้วที่จะดึงความเชื่อมโยงระหว่างพวกเขา


👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนังจีน ได้ที่นี่

Friday, February 18, 2022

รีวิว ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ (SuckSeed) การรวมตัวของตัวห่วย 3 คน

ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ (SuckSeed) หนังเล่าเรื่อง “ความรัก” ที่ผ่านกาลเวลาของเด็กหนุ่มที่สร้างแรงบันดาลให้เด็กคนหนึ่ง ได้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเสียงดนตรี ได้รู้จักความรักครั้งแรก พร้อมๆ กับที่ได้เปิดซิงตัวเองให้กับเสียงเพลงร็อก เรียกได้ว่า ใส่ความสนุกแบบคนรักเพลงร็อกไทย และความเป็นวัยรุ่นมาใส่กันเต็มที่


เรื่องราว"เป็ด" และ "คุ้ง" คู่ซี้สุดห่วยที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะทำด้วยกันอยู่เสมอ เรียกได้ว่ามีอะไรฮิตก็ทำหมด จนมาถึงยุคที่นักเรียนตั้งวงดนตรีเท่ ๆ ไว้จีบสาว คุ้งก็ชวนเป็ดตั้งวงดนตรีขึ้นมา เพื่อที่จะมัดใจ "เอิญ" เพื่อวัยเด็กที่เป็ดเคยแอบชอบ แต่คุ้งก็ดันชอบเอิญด้วยเหมือนกัน ทั้งคู่จึงได้ชวน "เอ็กซ์" เข้ามาเป็นมือกลองให้กับวง เป็นการรวมตัวของตัวห่วย 3 คน จนเกิดเป็นวง SuckSeeD!!! ที่มีที่มามาจากเมล็ดพันธุ์ของความห่วย พวกเขาต้องพยายามเพิ่มทักษะให้ตัวเองเก่งพอก่อนจะไปแข่งงานประกวดวงดนตรีของค่ายเพลงดังระดับประเทศให้ได้ ทว่ามันกลับยากมากยิ่งขึ้นเมื่อทั้งเป็ดและคุ้งต่างหลงรัก “เอิญ” เพื่อนวัยเด็กที่เพิ่งย้ายเข้ามาเหมือนกัน เธอเป็นคนร้องเพลงเก่ง แต่กลับไปเป็นนักร้องนำให้วงอารีน่าซึ่งเป็นวงดนตรีคู่แข่งของโรงเรียนตัวสำคัญป๊อปปูล่าร์เกินเบอร์ที่มีเป้าหมายจะไปแข่งในงานระดับชาตินี้เหมือนกัน พวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่!



โดยรวม หนัง SuckSeed ห่วยขั้นเทพมีความน่าสนใจตรงที่ตัวละคร “เป็ด” “คุ้ง” และ “เอ็กซ์” เหมือนถูกสร้างให้มาเป็นตัวแทนของเด็กรุ่นใหม่ที่อยากสร้างวงดนตรีเป็นของตัวเองแต่มีทักษะในระดับห่วย อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ SuckSeed กลายเป็นหนังที่โด่งดังมากในหมู่วัยรุ่น ณ ตอนที่เข้าโรงภาพยนตร์ก็คือ มีนักร้องนำจากวงดนตรีระดับเทพของไทยเรามารับเชิญให้ร้องเพลงดังประจำวงตัวเองในฉากต่าง ๆ เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ของทั้งสามกันอย่างลึกซึ้งไม่ว่าจะเป็นอารมณ์อินเลิฟตกหลุมรัก อารมณ์อกหัก หรืออารมณ์ท้อแท้




👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

Thursday, February 17, 2022

รีวิ In the Heights (2021) ภาพยนต์ดราม่าแนวเพลงดนตรีสุดสนุก



In the Heights (2021) ภาพยนต์ดราม่าแนวเพลงดนตรีสุดสนุก หนังดีๆของปี 2021 ที่คอหนังไม่ควรมองข้าม  อีกหนึ่งหนังเพลง ที่มีดีมากกว่าแค่เพลงดีๆ แต่ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย รอยยิ้ม มิตรภาพ และเสียงหัวเราะ ภาพยนต์ที่ทำให้คุณเพลิดเพลินตลอด 2 ชั่วโมง 30 นาที แล้วคุณจะมองโลกใบนี้กว้างขึ้นเมื่อได้รู้จักกับพวกเขาใน In the Heights


เรื่องราวที่เต็มไปด้วยแสงสีและกลิ่นกาแฟอันหอมกรุ่น ณ ย่านถนนหมายเลข 181 ชื่อว่า วอชิงตัน ไฮส์ท สถานที่ที่เหล่าคนล่าฝันมารวมตัวกันจนบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและมิตรภาพอันแน้นแฟ้นของชุมชน อีกด้านหนึ่งของมุมถนนมีชายหนุ่มชื่อว่า อุสนาวี เจ้าของร้านขายของชำเล็กๆ กำลังใช้ชีวิตในทุกวันไปกับการเก็บหอมรอมริบทีละเล็ก ทีละน้อยเพื่อเติมเต็มความฝัน และนำพาชีวิตของเขาให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยด้วยความหวัง จินตนาการ และเสียงร้องเพลง


โดยสรุปแล้ว ลิน-มานูเอล มิแรนดา เป็นที่รู้จักจากละครเพลง Hamilton แต่เขามีผลงานมาก่อนหน้าแล้ว และ In the Heights ก็คือหนึ่งในจำนวนนั้น กับเรื่องราวของชนชั้นแรงงานหลายเชื้อชาติในละแวกที่เขาเติบโต ที่มีทั้งเรื่องช่องว่างระหว่างวัย, ความแตกต่างทางวัฒนธรรม, พวกผู้อพยพ และความรัก ทำให้หนังมีมิติหลากหลาย ตัวเพลงก็เช่นกัน มีแร็ป, มีซัลซา ที่มาทั้งแบบเดี่ยวๆ และผสมผสาน


 👉👉  ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรีย์แนวสืบสวนสอบสวน แนวฆาตกรรม ไขปริศนา ได้ที่นี่

Tuesday, February 15, 2022

รีวิว สี่ห้องใจนี้ มีแต่เสียงเธอ (Music and Lyrics)

สี่ห้องใจนี้ มีแต่เสียงเธอ (Music and Lyrics) เพลงฮิตที่เกิดจากเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นระหว่างแต่งเพลงรัก หนังเปิดตัวด้วยเพลงดังของศิลปินชื่อก้อง “Pop” ที่เคยโด่งดังในช่วง 1980’s ก่อนจะแยกวง คนหนึ่งดัง คนหนึ่งดับ หนังกำลังพูดถึงคนที่กำลังดับ Alex Fletcher (นามสกุลเดียวกับนักฟุตบอลแมนฯยูฯ เลยแฮะ) เขามีงานโชว์เสียงร้องและท่าเต้นสะเด่าเพียงไม่กี่ที่ต่อปีเท่านั้น แต่แล้ววันหนึ่ง


เรื่องราว"อเล็กซ์ เฟลทเชอร์" อดีตราชาเพลงป๊อบยุค 80 ที่กำลังจะตกกระป๋อง ได้รับโอกาสจาก "คอร่า คอร์แมน" นักร้องสาวดาวรุ่งที่กำลังจะออกซิงเกิลใหม่ให้เขาช่วยเธอแต่งเพลงและร้องเพลงคู่กับเธอ โดยจะต้องมีคำว่า "Way back in to love" อยู่ในเนื้อเพลงด้วย แม้จะเป็นโอกาสที่ดี แต่ปัญหาก็ติดตรงที่เขาไม่ได้แต่งเพลงมาหลายปีประกอบกับระยะเวลาอันน้อยนิด แม้ว่าเขาจะพยายามแต่งเพลงเท่าไหร่แต่ก็ไม่สามารถแต่งเนื้อร้องที่ถูกใจได้ จนเขาได้รับความช่วยเหลือจาก "โซฟี ฟิชเชอร์" สาวสวยที่มาทำหน้าที่เป็นคนรดน้ำต้นไม้คนใหม่ ทั้งคู่ช่วยกันแต่งเพลงรัก โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่า ความรักกำลังก่อตัวขึ้นในใจ



โดยสรุปเป็นหนังในแบบสูตรเดิมๆของหนังโรแมนติก-คอมเมดี้ชนิดตลาดจ๋า แต่ก็ต้องยอมรับว่าในความคุ้นเคย หรือเป็นของเดิมๆที่เห็นกันจนชินตา Music & Lyrics ก็เป็นหนังที่ดูสนุก และน่ารักในแบบที่หนังโรแมนติก-คอมเมดี้เข้าท่าๆสักเรื่องควรเป็น ด้วยเหตุที่หนังมาพร้อมกับความลงตัวของหนังแนวนี้ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการหยอดมุข การเล่าเรื่อง และการวางลำดับเพลงที่แม่นชนิดเอาอยู่ และที่ขาดไม่ได้เลยที่สุดก็คือ "เคมี" ของนักแสดงนำทั้งสองคน ที่ต่างเล่นรับส่งกันได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ รวมไปถึงบรรดาตัวประกอบรายรอบคู่พระนางที่มากันแบบพอดีๆ ไม่มากเกินไป และไม่ล้นเกินไป


👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนังออนไลน์ฟรี ได้ที่นี่

13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix

 13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix เรื่องราวของ อีแวนด์ โกลด์แมน เด็กหนุ่มที่ย้ายมาจากโรงเรียนในนิวยอร์คตามครอบครัว ...