รีวิวซีรีย์ Girls from Ipanema (2020) ดราม่าวงการธุรกิจและดนตรี

Girls from Ipanema เพลงรัก จุดประกายฝัน ซีรีย์ย้อนยุคแนวดราม่าชีวิต วงการธุรกิจและดนตรี ผ่านตัวละครผู้หญิงกับอุปสรรคในยุคสมัยที่ผู้หญิงถูกตีกรอบการใช้ชีวิตไว้มากมายในสังคมการทำงานที่ผู้ชายเป็นใหญ่ได้เท่านั้น หลังจากที่สามีของเธอหายตัวไป มาเรีย ลุยซาผู้อ่อนโยนก็เปลี่ยนทรัพย์สินของเขาให้เป็นสโมสรบอสซาโนวา และเริ่มกลายมาเป็นผู้หญิงอิสระของเธอเอง

เรื่องราว อีปาเนมา เป็นตำบลหนึ่งอยู่ทางตอนใต้ของรีโอเดจาเนโร บราซิล มีชื่อเสียงเรื่องชายหาดที่งดงามในยามพระอาทิตย์ตก ซึ่งผู้แต่งเพลงทั้งคู่พักอาศัยอยู่ในย่านนี้ ขณะแต่งเพลงนี้ และเป็นดนตรีแนว “บอสซาโนวา” ที่โด่งดังในยุค 1960 โดยมาจากการผสมผสานดนตรีแจ๊สของแอฟริกัน-อเมริกันกับดนตรีแซมบา ดนตรีพื้นบ้านของบราซิล เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเครื่องดนตรีที่ใช้กับดนตรีบอสซาโนวาประกอบด้วยเครื่องดนตรีหลัก 2 ชิ้น คือ กีตาร์และเปียโน และเรื่องราวในซีรีส์เริ่มที่จุดกำเนิดของดนตรีแนว “บอสซาโนวา” ที่ยังไม่เคยมีในโลกนี้นั่นเอง

โดยรวมซีรีย์แนวดราม่าเรื่องราวของวงการดนตรียุค 1960 ที่หาได้ยาก และทำออกมาได้ดีเกินคาด แม้ช่วงแรกอาจจะรู้สึกว่าไม่เข้มข้นเท่าไหร่ แต่พอกลางเรื่องไปตัวเรื่องผูกปมปัญหาหลายอย่างเข้ามาได้อย่างน่าติดตาม และเรื่องก็ไม่ได้เบาๆ มีฉากติดเรตเปลือยกาย ฉาก SEX รุนแรง ไปจนถึงโศกนาฎกรรมที่ผู้หญิงตกเป็นเหยื่อผู้ชายอย่างร้ายแรง จนไม่คิดว่าจะเห็นได้จากหนังในยุคปัจจุบันนัก

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

แร๊ปเปอร์สาว "มิลลิ" 3 ผลงานสุดปังทั้ซิงเกิลเดี่ยวและร่วมร้องกับศิลปินท่านอื่นๆ

ถ้าพูดถึงแร๊ปเปอร์สาวคนแรกที่นึกถึงคงหนี้ไม่พ้น"มิลลิ" มิลลิเริ่มเป็นที่รู้จักจากรายการThe Rapper ซีซัน 2 ที่บอกเลยว่าด้วยความสามารถของมิลลิที่โดเด่นจนทำให้โค้ชทั้งและผู้ชมในรายการต่างชื่นชม โดยหลังจากจบรายการแล้วมิลลิได้เข้าไปเป็นศิลปินในค่ายYUPP ที่มีศิลปินแร๊ปเปอร์มากมายและมิลลิเป็นศิลปินหญิงเพียงคนเดียวของค่าย

มิลลิเป็นศิลปินแร็ปเปอร์ที่บอกเลยว่าผลงานทุกผลงานที่ทำออกมาปังทุกผลงาน มิลลิมีทั้งผลงานซิงเกิลเดี่ยวและร่วมร้องกับศิลปินท่านอื่นๆมากมายทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเมื่อวันที่ 17 เมษายนา 2565 ,มิลลิได้มีโอกาสแสดงความสามารถของตัวเองบนเวทีระดับโลกอย่าง Coachella 2022 บอกเลยว่าทั้งสวยทั้งเก่งจริงๆ

• สุดปัง  ผลงานเพลงที่บอกได้เลยว่าอยู่ตรงไหนก็ต้องได้ยิน เป็นเพลงหนึ่งที่ได้ยินบ่อยมากๆ โดยในเพลงจะมีท่อนแร๊ปที่ผสมผสานนำภาษาถิ่น ภาษาวัยรุ่น มาอยู่ในเพลงทำให้คนสนใจและเพลงดูมีเสน่ห์มากขึ้น ซึ่งใน MV จะเล่าเรื่องความฝันของเด็กคนหนึ่ง ในMV จะได้เห็นมิลลิในหลายๆลุคทั้งการเป็นดีว่าเสียงทรงพลังหรือการเป็นผู้นำเชียร์ที่มีลุคเซ็กซี่นิดๆหน่อยๆ บอกเลยว่าสุดปังเป็นเพลงที่สุดปังจริงๆ

•  Mirror Mirror  เป็นผลงานเพลงคอลแลปกันหระหว่างไทยและเกาหลีที่ได้ศิลปินมากความสามารถในการทำเพลงนี้อย่าง F.HERO x MILLI Ft. Changbin of Stray Kids เป็นผลงานเพลงที่พูดถึงการมองตัวเองที่ต้องสู้ต้องเอาชนะ คนที่อยู่ในกระจกนั่นคือตัวเราเองเหมือนกับชื่อเพลง Mirror Mirror ซึ่งในเพลงนี้มิลลิได้มีโอกาสแร็ปเป็นภาษาเกาหลีด้วย บอกเลยว่าเก่งมากๆ และเพลงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่บอกเลยว่าทำให้มิลลิคอมพลีทในการติ่งมาก เมื่อจองกุก BTS ศิลปินบอยแบรนด์ ได้ฟังและพูดถึงมิลลิ ก็ทำเอามิลลิถึงกับซึ้งกันเเลย 

• 17 นาที (17 mins) เพลงที่บอกเลยว่าใครๆก็ต้องเคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้กันมาบ้าง ที่รอจะตอบข้อความของเขาเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าเรารู้สึกมากแค่ไหนเมือนที่เ นื้อเพลงบอกไว้ "17 นาที ที่ฉันรอเธอ เธอคงไม่รู้ว่าต้องอดทนมากแค่ไหน 17 นาทีที่ทรมาณ ไม่อยากให้เธอรู้ความในใจ ต้องเก๊กไว้ ตั้งเวลา รอตอบเธอ " เป็นเพลงที่แทนความรู้สึกของคนแอบบรักที่ไม่อยากให้เขารู้ที่งน่ารักๆฟังง่าย โดยได้ อัด-อวัช และ ตน-ต้นหน วง mints ร่วมร้องในเพลงด้วย

👉👉 ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ ข่าวบันเทิง ได้ที่นี่

รีวิว Better Nate Than Ever (2022) เล่นใหญ่ ฝันไกล ไปให้ถึง

Better Nate Than Ever (2022) สตรีมมิ่ง Disney+ ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมในชื่อเดียวกัน ผลงานการเขียนของทิม เฟเดอร์เล ซึ่งนอกจากเขาจะแต่งเรื่องราวขึ้นมาแล้ว ดิสนีย์ได้เล็งเห็นแววจากการดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสร้างและเขียนบทให้กับซีรีย์ High School Musical: The Musical - The Series โดยในซีรีย์เรื่องดังกล่าว เรื่องราวคือการหยิบเอา High School Musical หนังมิวสิคัลเรื่องดังของดิสนีย์ชาร์แนลมารีเควล (รีบูทพร้อมกับเล่าเรื่องราวใหม่ต่อไปในเวลาเดียวกัน) ด้วยการให้ชมรมละครเวทีหยิบหนังเรื่องดังกล่าวมาทำเป็นละครเพลงประจำโรงเรียน

เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน High School Musical: The Musical - The Series ซีซั่นแรกเป็นการหยิบหนังดังชิ้นโบว์แดงซึ่งอยู่ในความทรงจำของเหล่าวัยรุ่นยุค 2000s กันมาปรับให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น ประกอบกับการได้ดาวรุ่งอย่างโอลิเวีย ร็อดริโก มารับบทเป็นนางเอกด้วย โดยสิ่งที่ปรากฏอย่างเด่นชัดในเวอร์ชั่นซีรีย์นั้นคือกลุ่มตัวละครที่คลั่งไคล้ในหนังและละครเวทีประเภทมิวสิคัล โดยเราจะได้เห็นกระบวนการทำงานละครเวทีอย่างเจาะลึกและสนุกไปกับความรักกุ๊กกิ๊กของเหล่าหนุ่มสาว

เนท เด็กชายวัย 13 ปี ผู้หลงใหลในละครเวทีและละครเพลงชนิดเข้าเส้น ในระดับที่ขนาดที่แม่ของเขาระบุประเภทของละครเพลงผิดไปเป็นละครบทพูดธรรมดา เขาถึงกับหัวร้อนจนต้องแก้ต่างว่าแม่ของตัวเองกำลังจำผิด เนทมีพี่ชายสุดห้าวอย่างแอนโธนี่ (โจชัว บาสเซตต์) ที่ดูจะไม่ค่อยปลื้มที่มีน้องชายออกอาการตุ้งติ้งและเจ้าสำอาง ขนาดทาลิปกลอสเพื่อไม่ให้ปากแตกเพราะอากาศแห้ง

ระหว่างที่พ่อและแม่ของเนทมีโปรแกรมจะไปเที่ยวพักร้อนที่ต่างเมือง แผนการแอบหนีพ่อแม่ไปออดิชั่นเป็นตัวเอกในละครมิวสิคัลเรื่องใหม่อย่าง “Lilo & Stitch” ที่นิวยอร์กของเนทจึงเริ่มต้นขึ้น เมื่อเขารวมหัวกับลิบบี้ ในการขึ้นรถทัวร์จากรัฐเพนซิลเวเนียเพื่อเดินทางไปยังจุดหมาย ระหว่างทางเนทได้หลับฝัน (และแน่นอนว่ามันถูกเล่าเป็นละครมิวสิคัล) โดยความฝันดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่ตัวเนทปรารถนาที่สุดในชีวิตคือการได้ไปโลดแล่นอยู่บนเวที ได้แสดงเป็นตัวละครที่มีผู้ชมจ้องมอง

ระหว่างการออดิชั่น ที่เนทเองก็ตีเนียนเข้าร่วมทดสอบบท เพราะตามกฎแล้วเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปีจะต้องมีผู้ปกครองมาเซ็นใบอนุญาต แน่นอนว่าทุกอย่างดูสะดวกโยธิน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องออดิชั่นนั้น เนทเองก็ไม่ได้หวาดกลัวที่พรีเซนต์ความสามารถของตัวเอง แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเมื่อกางเกงขาดกลางคัน เหตุการณ์ในวันนั้นจบลงที่เขาไม่ผ่านการคัดเลือก แต่ใครจะไปเชื่อเมื่อจู่ๆ ความกล้าของเขาก็ดันไปเข้าตาคณะกรรมการคนหนึ่งที่เรียกเนทกลับไปทดสอบบทอีกครั้ง!

ท้ายที่สุดเราต้องขอชื่นชมการแสดงของน้องรูบี้ วู๊ดที่รับบทเนทได้อย่างเข้าถึง สะพรึงและเอาอยู่ทุกฉากทุกตอน ทั้งร้อง ทั้งเล่น รวมไปถึงแสดงอารมณ์ในหลากหลายมิติ จนเราอาจจะกล่าวได้เลยว่าเด็กคนนี้มีของอยู่ในตัวเยอะมาก ไม่ธรรมดา ต้องจับตามองกันยาวๆ เขาน่าจะเป็นดาวรุ่งคนต่อไปในวงการภาพยนตร์อย่างแน่นอน

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่

รีวิวซีรีย์แจ๊สอาร์ต The Eddy คลับแจ๊สเมืองฝัน ของ เดเมียน ชาเซลล์

The Eddy คลับแจ๊สเมืองฝัน ผลงานซีรีย์ที่ ชาร์เชล ร่วมกำกับ และอำนวยการสร้าง เป็นผลงานที่จะพาทุกคนไปพบกับอีกด้านของวงการเพลงแจ้ส ที่ไม่ค่อยมีหนัง หรือซีรีย์เรื่องไหนหยิบมานำเสนอกับโลกอาชญากรรม และดนตรี ที่ต้องมาโคจรพบกันจนกลายเป็นเหตุการณ์มากมายที่ชุลมุน วุ่นวายตลอด 8 EP. ของซีรีย์เรื่องนี้

เรื่องราว  เอลเลียต (อังเดร ฮอลแลนด์) นักเปียโนแจ๊สที่หนีอดีตขมขื่นจากนิวยอร์กสู่ปารีส หมุดหมายของศิลปินทั่วโลกเพื่อเปิดคลับแจ๊สชื่อ ดิ เอ็ดดี และที่ปารีสนี่เองที่เขาได้มีโอกาสทั้งพบรักกับ มายา (โจแอนนา คูลิก) นักร้องสาวที่รอให้ความชัดเจนในความสัมพันธ์กับเขา และ จูลี่ (อแมนดลา สแตนเบิร์ก) ลูกสาวที่ถูกแม่ส่งตัวมาอยู่กับพ่ออย่างเขา นอกจากต้องประคองกิจการให้อยู่รอดทั้งที่ลูกค้าร่อยหรอลงไปทุกวันแล้ว เอลเลียต ยังต้องเผชิญกับคดีความสำคัญเมื่อ ฟาริด (ทาฮาร์ ราฮิม) หุ้นส่วนและเพื่อนแท้คนสำคัญถูกฆาตกรรม และยังมีมาเฟียมาคอยรังควาน ทำให้เอลเลียตต้องสืบหาความจริงไปควบคู่กับการกอบกู้ศรัทธาวงเพื่อสร้างงานศิลปะในเมืองแห่งฝันอย่างปารีสให้จงได้  ความยาว 8 ตอนได้แบ่งชื่อตอนและมุมมองการเล่าเรื่องผ่านตัวละครแต่ละตัว ทั้งตัวละครสำคัญและตัวละครสมทบที่แทบไม่มีบทบาทอะไรกับเส้นเรื่องหลัก ซึ่งข้อดีคือมันทำให้เรื่องราวมีความหลากหลายแม้จะดำเนินไปด้วยจังหวะเนิบช้าแต่มันก็แลกมาด้วยฉากมหัศจรรย์อย่างการพาคนดูไปร่วมพิธีศพของมุสลิมในตอน อมิรา ซึ่งเป็นภรรยาของฟาริด แล้วปิดท้ายด้วยพิธีรำลึกในแบบฉบับคนดนตรีแจ๊สที่ทั้งเร้าใจและชวนให้สะเทือนอารมณ์ในคราวเดียวกัน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่เส้นเรื่องหลักอย่างการสืบสวนว่าใครเป็นสาเหตให้ฟาริดต้องตายไม่มีความคืบหน้า

ภาพรวมต้องบอกไว้ว่านอกจากดนตรีแจ๊สในเรื่องที่ไพเราะน่าฟังแล้ว การปรากฎตัวของ อแมนดลา สแตนเบิร์ก ก็น่าจดจำไม่น้อย และใน The Eddy สแตนเบิร์ก ได้พาลุคเซ็กซี่แบบสาวใจแตกพร้อมหน้าหวาน ๆ และคาแรกเตอร์สุดแสบมาเพิ่มรสชาติให้ซีรีย์มากขึ้น และทุกซีนที่ปรากฏตัวคือเธอโดดเด่นมาก ๆ โดยเฉพาะหลังจากเราต้องทนดูหน้าบึ้ง ๆ บูด ๆ เครียด ๆ ของอังเดร ฮอลแลนด์ ในบท เอลเลียต พ่อของเธอแล้ว การคั่นสายตาด้วยซีน ก๋ากั่นของ จูลี่ ก็เป็นอะไรที่ชื่นฉ่ำไม่น้อยเลยทีเดียว

👉👉  ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ดูหนัง ซับไทย ได้ที่นี่

ซิงเกิลใหม่จาก เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ กับเพลงล่าสุด “เพลงที่ไม่มีใครฟัง”

วันที่ 22 เมษายน 2565 เป็นอีกวันหนึ่งที่น่าจดจำในหน้าประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย เพราะพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ศิลปินชั้นนำอันดับต้นของประเทศ ที่ได้ห่างหายไปจากวงการเพลงตั้งแต่ปี 2561 ได้ปล่อยซิงเกิ้ลเพลงล่าสุด “เพลงที่ไม่มีใครฟัง” มาให้แฟนคลับ และคนไทยได้ฟังกัน

“เพลงที่ไม่มีใครฟัง” เป็นเพลงรักเล่าเรื่อง หรือเพลงบัลลาด (Ballad) ที่ขับร้องด้วยน้ำเสียงที่ฟังสบาย เนื้อหาเปี่ยมล้นไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ซึ่งเขียนขึ้นจากปลายปากกาของเจ้าพ่อเพลงรักนับร้อยบทเพลงในยุค 90 คือ “พี่ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค” เนื้อหาของบทเพลงบรรยายถึงผู้ชายคนหนึ่งที่เคยมีผู้หญิงสักคนเคียงข้าง คนที่คอยฟังเพลงที่เขาแต่งขึ้นมา เธอช่วยวิจารณ์ และให้กำลังใจในการแต่งเพลงเสมอ แต่แล้ววันหนึ่ง เธอได้จากไปพร้อมกับผู้ชายอีกคน เพลงที่เขาแต่งขึ้นมาก็เหมือนกับเพลงที่ไม่มีความหมาย และเป็นเพลงที่ไม่มีใครฟัง ในขณะที่เธอเองก็คงไม่รู้ว่า ทั้งชีวิตจิตใจที่เขาทุ่มเทลงไปให้กับเพลงนั้น มันกลายเป็นเศษคำและตัวโน้ตธรรมดา แม้ตอนนี้เธอจะได้ฟังเพลงที่เขาได้แต่งขึ้น เธอก็ได้แต่ยิ้ม และชื่นชมเพื่อรักษาน้ำใจ แต่สุดท้ายก็ไปกับเขาอยู่ดี

• เพลงที่ไม่มีใครฟัง - เบิร์ด ธงไชย [Official Lyrics Video]

• เพลงที่ไม่มีใครฟัง
• ศิลปิน : ธงไชย แมคอินไตย์
• เนื้อร้อง : นิติพงษ์ ห่อนาค
• ทำนอง/เรียบเรียง : สุวัธชัย สุทธิรัตน์

จะว่าไปแล้ว เราแทบจะไม่ได้ฟังเพลงใหม่จากพี่เบิร์ด ที่มีเนื้อหาและท่วงทำนองลักษณะนี้มานานมาก เพราะอัลบั้มในช่วงสิบปีหลังของพี่เบิร์ด จะเป็นเพลงรวมฮิต หรือเพลงรักที่มีจังหวะเต้นรำเบา ๆ อยากชวนทุกคนไปฟังเพลงนี้ “เพลงที่ไม่มีใครฟัง” และหวังว่าจะได้ฟังเพลงใหม่จากอัลบั้มเต็มของพี่เบิร์ดในระยะเวลาอันใกล้นี้

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่

วง 2NE1 กับ 5 เพลงฮิตในตำนานสุดยอดเกิร์ลกรุ๊ปแห่งยุค 2010's เซอร์ไพรส์บนเวที Coachella 2022

เรียกได้ว่ากลายเป็นกระแสฮือฮาบนโลกโซเชียลเพียงชั่วข้ามคืน หลังจากการรียูเนียนขึ้นโชว์บนเวที Coachella 2022 ของสุดยอดเกิร์ลกรุ๊ปแห่งยุค 2010's อย่างวง 2NE1 โดยพวกเธอเป็นอดีตเกิร์ลกรุ๊ปภายใต้สังกัด YG ENTERTAINMENT ที่มีสมาชิก 4 สาว ประกอบด้วย CL (ซีแอล), พัคบอม, ซานดารา และ มินจี ซึ่งงานนี้ CL ก็ได้นำทีมสมาชิกอีกสามคนมารวมตัวขึ้นโชว์บนเวทีดังกล่าว กับการแสดงเพลง I AM THE BEST พร้อมกับลุคสุดต๊าซ เรียกว่าเป็นการเซอร์ไพรส์แฟน ๆ จากทั่วโลก ทำให้หลายคนให้หวนคิดถึงบรรยากาศของวงและผลงานเพลงของที่เรียกว่าเป็นตำนานแห่งยุคจริง ๆ ซึ่งแต่ละเพลงของวงเรียกว่าติดหูแทบทุกเพลงเลย  มาดูกันว่ามีเพลงฮิตในตำนานของวง 2NE1 เพลงไหนบ้าง

1.BINGBANG & @NE1 - LOLLIPOP M/V

เพลง Lollipop เป็นเพลงที่ดังมาก จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ไปที่ไหนก็มักจะได้ยินเพลงที่ร้องว่า 'Lolli Lolli Lollipop oh lollipop' ดังมาเข้าหูอยู่บ่อย ๆ โดยเพลงนี้ขับร้องโดยสมาชิกวง 2NE1 และวงบอยแบนด์ในตำนานอย่าง BingBang แต่งขึ้นมาเพื่อโปรโมตโทรศัพท์มือถือ

2. 2NE1 - FIRE (Street Ver.) M/V

FIRE เพลงเดบิวต์สุดปังใน ปี 2009 ฉีกกฎเกิร์ลกรุ๊ปเคป๊อปแห่งยุค  ที่ต้องบอกว่าเปิดตัวมาก็ปังสุด ๆ ไปเลย เพลงที่ปลุกพลังความเป็นตัวของตัวเอง โดยจุดเด่นของเพลงนี้เราว่านอกจากแฟชั่นสุดต๊าซที่ทั้งเปรี้ยวและเท่ของสมาชิกแต่ละคนซึ่งมาแบบแหวกแนวเกิร์ลกรุ๊ปในยุคนั้นแล้ว ตัวเพลงก็เริ่ดสุด ๆ จังหวะเพลงมีความต๊าซที่แค่ได้ยินท่อนเริ่มต้น 'Eh, eh, eh, eh, eh, eh, eh eh - eh' ก็เป็นต้องโยกย้ายส่ายหัวตาม และยังมีท่อนที่ติดหูอีกหลายท่อนด้วย ทั้งเพลงและวงเรียกว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนั้น เพราะทันทีที่เพลงปล่อยออกมาก็ได้รับความนิยมในเกาหลีใต้เลย นอกจากติดท็อปชาร์ตอันดับ 1 อย่างรวดเร็วแล้ว 

3. 2NE1 - I DON'T CARE M/V

I DON'T CARE เพลงแห่งปี กับความสำเร็จของวง หลังจากเดบิวต์เปิดตัวไปได้อย่างสวยงามกับเพลง FIRE ต่อมาในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน 2NE1 ก็ได้กลับมาพร้อมซิงเกิลนำที่สองของมินิอัลบั้มเปิดตัว อย่างซิงเกิลที่มีชื่อว่า I DON'T CARE เพลงเลิกกับแฟนที่มีท่อนฮิตติดหูร้องได้กันทั่วบ้านทั่วเมือง บอกเล่าถึงการเลิกกับแฟน ที่ในเมื่อคุณไม่แคร์ฉันเลย ฉันก็จะไม่แคร์คุณอีกต่อไปเหมือนกัน โดยจุดเด่นของเพลงนี้คือการที่ผสมผสานระหว่างแนวเพลง R&B และ Reggae ไว้ด้วยกัน ซึ่งคราวนี้ภาพลักษณ์ของพวกเธอมาในแบบดูนุ่มนวลขึ้นกว่าเพลงแรก แต่แฟชั่นของแต่ละคนยังคงความต๊าซเอาไว้เหมือนเดิม

4. COME BACK HOME M/V

COME BACK HOME เพลงฮิตติดหูในตำนาน จุดเด่นของเพลงนี้สำหรับเราคือมันเป็นเพลงที่ทั้งฟังสนุกและรู้สึกเพราะไปพร้อมกัน ด้วยเสียงร้องที่มีมาตรฐานของการเป็นศิลปินของเมมเบอร์แต่ละคนอยู่แล้ว บวกมิวสิควิดีโอก็มีความน่าสนใจมาก เปิดตัวมาคล้ายฉากภาพยนตร์ที่สาว ๆ ทะลุมิติไปยังอีกโลกที่เป็นเสมือนโลกในจินตนาการ เพื่อช่วยแฟนของดาร่าที่ติดอยู่ในนั้น ซึ่งเมมเบอร์แต่ละคนมาในลุคสุดเท่พร้อมกับอินเนอร์ที่ชวนให้ติตามไปจนจบเพลงจริง ๆ ค่ะ 

5. 2NE1 - I AM THE BEST M/V

I AM THE BEST เพลงชาติของวง รียูเนียนอีกครั้งบนเวที Coachella 2022  เพราะเพลงฮิตมากในปี 2011 ที่ปล่อยออกมา 'เนกาเชคชะลากา' เป็นท่อนจำที่เปิดมาได้ติดหูมาก ได้ยินทีไรอยู่นิ่งไม่ได้บอกเลย แฟชั่นสุดจี๊ดของสาว ๆ ในเพลงนี้ก็จัดเต็มอีกเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นชุดหรือองค์ประกอบต่าง ๆ รวมถึงทรงผมสุดแหวกแนวของดาร่าด้วย เริ่ดที่สุดเหมือนกับความหมายของเพลงเลยทีเดียว ซึ่งความฮิตของเพลงนี้ก็ทำให้มียอดดาวน์โหลดกว่า 4 ล้านดาวน์โหลด และยังเป็นเพลงแรกของวงที่ขึ้นไปอยู่อันดับ 1 บน Billboarg World Digital Song อีกด้วย ปังมาก!!! และยังกลายเป็นอีกหนึ่งเพลงฮิตที่ทำให้พวกเธอได้รับความนิยมสูงสุดในต่างประเทศอีกด้วย

โดยล่าสุดพวกเธอก็ได้เซอร์ไพรส์แฟน ๆ ทั่วโลกบนเวที Coachella 2022 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 15 - 17 เมษายนที่ผ่านมา ต้องบอกว่าเป็นโชว์ที่ทำเราขนลุกมาก Performance ของทั้งสี่สาวยังคงมาตรฐานไม่มีตก คือเดอะเบสเหมือนชื่อเพลง สมกับเป็นตำนานเกิร์ลกรุ๊ปแห่งยุคจริง ๆ ซึ่งเราเชื่อว่าแฟน ๆ ของ 2NE1 ก็คงรู้สึกถึงพลังของพวกเธอไม่ต่างกัน

เครดิตวิดีโอ

YG ENTERTAINMENT

2NE1

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

ภาพยนตร์แนวเพลงดนตรี The Dirt (2019) วง Mötley Crüe

The Dirt (2019)  ภาพยนตร์ชีวประวัติ Mötley Crüe วงที่ทำให้เกิดดนตรีแนว Glam Metal เป็นผลงานที่สร้างมาจากชีวประวัติสุดบ้าคลั่ง สร้างมาจากหนังสือของวงดนตรีร็อกอย่าง “มอตลีย์ ครู” ที่ประกอบด้วยชายสุดห่ามทั้ง 4 คนที่ต้องเผชิญทั้งจุดที่ตกต่ำที่สุดและจุดที่สูงสุดของการเป็นวงดนตรีร็อกชื่อดัง

เรื่องราวของ Mötley Crüe วง glam metal ได้เริ่มฟอร์มวงกันเมื่อเดือนมกราคมปี 1981 มีสมาชิก 3 คนเท่านั้น คือ Nicky Sixx (เบส), Greg Leon (กีตาร์/ร้องนำ) และ Tommy Lee (กลอง) จน Greg Leon  ย้ายไปวง Quiet Riot ทำให้ไม่กี่เดือนต่มา   Mick Mars ได้เข้ามารับหน้าที่มือกีตาร์แทนหลังจากนั้นทั้ง 3 คนก็ได้พยายามดึงตัว Vince Neil  มาร่วมวง  ในตอนแรกเขาได้ปฏิเสธข้อเสนอของทางวงเพราะยังทำวงที่ชื่อว่า Rock Candy อยู่ แต่ในเวลาต่อมาไม่นาน วง เปลี่ยนใจไปทำแนว new-wave  และแล้ว Mötley Crüe เลยได้ Vince Neil มาร่วมอุดมการณ์ในที่สุด

โดยรวมถ้าคุณหมดไฟแล้ว คุณต้องดู เพราะการที่เราได้เห็นแนวคิดในจุดที่ตัวละครตกต่ำที่สุดในชีวิต ซึ่งคุณสามารถเอามาดัดแปลงให้เข้ากับเหตุการณ์ที่คุณเจอได้

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ข่าววงการบันเทิง ได้ที่นี่

สมาชิกวง 2NE1 กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในงาน Coachella ประจำปี 2022

2NE1 กลับมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้า บนเวทีงานเทศกาลดนตรีระดับโลก Coachella 2022 ซึ่งสร้างความตื่นเต้นดีใจให้กับแฟน ๆ K-POP เป็นอย่างมาก โดยระหว่างการทำการแสดงโชว์ของ CL ซึ่งเป็นหนึ่งในศิลปินจาก 88rising นอกเหนือจากที่เธอจะทำการแสดงโชว์เดี่ยวในเพลง SPICY , Chuck , Hello Bitches แล้ว CL ยังได้เซอร์ไพรส์ด้วยการพาเพื่อน ๆ เมมเบอร์ 2NE1 อย่าง ซานดารา พัคบม และ มินจี กลับมารวมตัวกัน และทำการแสดงปิดท้ายโชว์ด้วยเพลงฮิตตลอดกาล อย่าง ‘I Am the Best’

เรียกได้ว่านี่ถือเป็นการกลับมารวมตัวกันของ 2NE1 บนเวทีอย่างเป็นทางการ ในรอบเกือบ 7 ปีของพวกเธอ นับตั้งแต่ที่ 2NE1 ขึ้นทำการแสดงโชว์พร้อมหน้า ที่งาน 2015 Mnet Asian Music Awards (MAMA) ในปี 2015 และทำแฟน ๆ ต่างปลื้มปริ่มกับการได้เห็นโมเมนต์ที่สมาชิกทั้ง 4 ของ 2NE1 กลับมารวมตัวกันอย่างยิ่งใหญ่บนเวทีงานเทศกาลดนตรีระดับโลกในรูปแบบที่เซอร์ไพรส์เช่นนี้

สำหรับวง 2NE1 นั้น นับเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปสัญชาติเกาหลีใต้ที่เคยโด่งดังอย่างมาในช่วงปี 2009 จนถึงปี 2017 กับผลงานเพลงสุดฮอตมากมายที่ยังคงถูกพูดถึงจนตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็น FIRE, GO AWAY, You and I, COME BACK HOME และอีกมากมาย ซึ่งการขึ้นโชว์บนเวทีงานเทศกาลดนตรีระดับโลก Coachella ของทั้ง 4 สาวในครั้งนี้ ยังนับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการเคป็อปอีกครั้ง ต่อจากวง BLACKPINK ที่เคยขึ้นโชว์ในงานเดียวกันนี้ไปในปี 2019 ตอกย้ำกระแส 'Asian Power' ในระดับโลกอีกครั้ง

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่

ภาพยนตร์ดราม่าเพลงเพราะๆ A Star Is Born (2018)

A Star Is Born เป็นหนังรีเมคทั้งที ก็ขอหยิบยกเอาเวอร์ชั่นเก่ามาเทียบกับเวอร์ชั่น 2018 กันสักเล็กน้อย ขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีเพลงเป็นตัวชูโรง เวอร์ชั่น 1976 จึงได้ Barbra Streisand มาเป็นนางเอกคู่กับ Kris Kristofferson ศิลปินชื่อดัง และเพลง “Evergreen” ที่ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ก็โด่งดังเป็นพลุแตกจนคว้ารางวัล Oscars มาได้ ซึ่งประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับภาพยนตร์ที่ทำรายได้ไปไม่น้อย

เรื่องราวของศิลปินหนุ่มชื่อดังพบกับหญิงสาวมากความสามารถโดยบังเอิญ และช่วยหยิบยื่นสปอต์ไลต์ฉายแสงให้เธอได้เป็นที่มองเห็นของคนทั่วไป จนกระทั่งเธอได้เป็นดาวสมใจและหนังเรื่องนี้ยังได้ Lady Gaga มาเป็นนางเอกไม่อยากอยากจะคิดว่าเธอจะแสดงหนังดราม่าได้ออกมายอดเยี่ยมมาก และเธอก็เป็นนักแสดงที่ร้องเพลงได้อย่างเพอร์เฟค ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะออกแนวเก่าๆหน่อยแต่เราก็สามารถพบเจอเหตุการณ์ดังในหนังได้มาจนถึงปัจจุบันก็ถ้าจะให้พูดก็ถึงเราจะมาดูหนังเรื่องนี้ในอีกกีปี่ข้างหน้าเราก็จะพบว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้เก่าของปีที่สร้าง เพราะเหตุการณ์ในหนังยังคงมีอยู่ในชีวิตจริงและยังเชื่อว่าหนังเรื่องนี้ก็จะถูกรีเมคขึ้นอีกเรื่อยๆ

สิ่งที่อยากชมมากๆ อีกสักนิดคือเรื่องของบทที่เขียนออกมาได้อย่างน่าสนใจ จากโครงเรื่องแห้งๆ เวอร์ชั่นเก่า เอามาปัดฝุ่นใหม่ ใส่ตัวอุปสรรค ใส่ความเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้นอีกนิด บวกกับการสอดแทรกข้อมูลเพิ่มเติมของตัวละครลงไปเรื่อยๆ ตลอดเนื้อเรื่อง ทำให้เราเข้าใจถึงความรู้สึก และเหตุผลของการกระทำของตัวละครต่างๆ ได้ดีว่าทำไมคนนี้ถึงทำอย่างนี้ คนนั้นถึงทำอย่างนั้น บทตัวอุปสรรคอย่างบทพี่ชายของพระเอก หรือผู้จัดการส่วนตัวของนางเอกก็ถือว่าทำหน้าที่สร้างเรื่อง สร้างปมขอตัวละครได้ดี และเมื่อโฟกัสที่เนื้อเรื่องของตัวละครที่เป็นศิลปิน ชีวิตเละเทะจากการเป็นคนติดแอลกอฮอล์ และยาเสพติดทำให้อนาคตศิลปินดับวูบ ก็สมจริงเสียจนคิดไปว่า เมื่อก่อนเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น ช่างเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่อยากให้ใครเกิดขึ้น และอยากให้ศิลปินตัวจริงได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วกลับไปคิดให้ได้ว่า “เรากำลังใช้ชีวิตแบบนี้อยู่หรือเปล่า”

สรุปแล้ว A Star Is Born เป็นภาพยนตร์ดราม่าประกอบเพลงเพราะๆ ที่อัดแน่นมากถึง 34 เพลง เพลงเด่นๆ อย่าง “Shallow” และ “I’ll Never Love Again” สามารถเรียกน้ำตาคนดูได้ยาก ช่วงกลางๆ เรื่องอาจจะเอื่อยๆ ไปบ้าง แต่เมื่อเลี้ยวเข้าสู่ช่วงท้ายของเรื่อง ไม่มีใครที่ดูแล้วไม่สะเทือนใจ แม้ว่าเนื้อเรื่องจะพอเดาได้จากการใส่ “คำใบ้” เล็กๆ น้อยๆ ผ่านเนื้อเรื่อง และคำพูดของตัวละคร แต่ก็ยังแอบลุ้นว่าขอให้ตัวละครพลิกสถานการณ์ได้ สุดท้ายแล้วเชื่อว่าใครที่อยากฟังเพลง ฟังเสียงเพราะๆ จากนักแสดง และอยากเรียนรู้ชีวิตของร็อกสตาร์ที่แท้จริง กว่าจะมายืนอยู่บนเวที กว่าจะได้อยู่กับค่ายเพลง กว่าจะถ่ายรูปลงปกอัลบั้ม หรือกว่าจะขึ้นไปยืนรับรางวัลบนเวที Grammy Awards ต้องผ่านอะไรมาบ้าง แล้วทำไมถึงมีบางส่วนอยู่รอดปลอดภัยมาได้หลายปี ในขณะที่บางคนมีชื่อ มีเพลงฮิตไม่กี่เพลงก็ล้มหายตายจากไปหมด ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคำอธิบายอย่างจับต้องได้ และเรียลมากๆ ให้เราได้ชม ได้เข้าใจกัน 

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่

รีวิว Step Up: Year of The Dance สเต็ปโดนใจ หัวใจโดนเธอ 6

“Step Up: Year of The Dance – สเต็ปโดนใจ หัวใจโดนเธอ 6”  พบกับฉากแบตเทิลการเต้นสุดอลังที่จะทำให้คุณต้องอ้าปากค้างจากบรรดานักเต้นยอดฝีมือของเอเชีย รวมทั้งเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวที่จะสะกดผู้ชมทุกฟลอร์ทั้งโลก นำแสดง: มิกิ, ซูเปอร์ดิโน, เจด เชโนเวธ, ฌอน หลิว, จาเนลล์ จิเนสตรา, อี้ เชวียน

เป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์ของตระกูลขาแดนซ์อย่าง Step Up โดยสตูดิโอผู้สร้างเดิม (Summit Entertainment By Lions Gate Entertainment) โดยความพิเศษของภาคนี้ คือการจับมือสร้างกับบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ของเอเชีย นั่นคือ Yue Hua Entertainment ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำด้านเอ็นเตอร์เทนเมนท์ในประเทศจีน รวมไปถึงประเทศเกาหลีใต้ โดยเป็นที่รู้จักในนามของบริษัทที่สร้างวงไอดอลเท้าไฟมาแล้วนักต่อนัก ไม่ว่าจะเป็น วง Cosmic Girl (WJSN), Hyeongseop X Euiwoong, วง NEXT7, Everglow หรือแม้แต่ ชเว เยนา แห่งวง IZ*ONE ด้วยก็เช่นกัน

เมื่อกลุ่มนักเต้นข้างถนนที่ไม่มีใครยอมรับ คิดจะลบคำสบประมาทด้วยการท้าทายทีมเต้นระดับโลกให้มาแบตเทิลกัน บนเวทีใหม่ที่เป็นจุดหมายของนักเต้นทั่วโลก พวกเขาต้องการจะแสดงสเต็ปของเอเชียให้ทั้งโลกยอมรับ เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ความฝัน ไม่เคยอยู่ไกลเกินเอื้อม และไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มาจากไหน แต่เมื่ออยู่บนฟลอร์ พวกเราเท่ากัน

👉👉 ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่

 

หนังแอนิเมชั่น Barbie: Big City, Big Dreams ตุ๊กตาบาร์บี้

Barbie: Big City, Big Dreams (2021) เล่าเรื่องราวของบาร์บี้ที่ได้สมัครโครงการศิลปะการแสดงภาคฤดูร้อนของโรงเรียนศิลปะการแสดงแฮนด์เลอร์ซึ่งมีการแข่งขันที่สูง เธอได้ไปเจอกับผู้หญิงอีกคนที่มีชื่อว่าบาร์บี้เหมือนกัน ซึ่งกำกับโดย Scott Pleydell-Pearce จะมีตัวละครใหม่ออกมาเพียบ ในส่วนของเพลงประกอบนั้นถูกประพันธ์โดย Alison McDonald ซึ่งเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี  และ Matthew Tishler นักเขียนเพลงและโปรดิวเซอร์ ส่วนท่าเต้นในเรื่องถูกออกแบบโดย Jamal Sims นักออกแบบท่าเต้นและผู้กำกับชาวอเมริกัน 

เรื่องราวของบาร์บี้ที่ได้สมัครโครงการศิลปะการแสดงภาคฤดูร้อนของโรงเรียนศิลปะการแสดงแฮนด์เลอร์ซึ่งมีการแข่งขันที่สูง เธอได้ไปเจอกับผู้หญิงอีกคนที่มีชื่อว่าบาร์บี้เหมือนกัน ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็วและได้ร่วมสำรวจมหานครนิวยอร์กไปด้วยกัน นอกจากชื่อที่เหมือนกันแล้วทั้งสองยังมีความฝันที่เหมือนกันด้วย พวกเธอได้เข้าร่วมการแข่งขันชิงรางวัล Spotlight Solo ที่ไทม์สแควร์ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเธอปรารถนาว่าจะต้องทำได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ทั้งสองก็ได้พบว่าการแข่งขันนี้ไม่ได้หมายถึงว่าจะต้องชนะใคร เพียงแค่ทำให้เต็มที่และชนะตัวเองก็พอ 

โดยรวมเหตุการณ์ต่างๆจะเกิดในมหานครนิวยอร์ก ตุ๊กตาบาร์บี้ไปนิวยอร์กเพื่อเข้าร่วมโปรแกรมศิลปะการแสดงช่วงฤดูร้อน ที่นั่นเธอได้พบกับตุ๊กตาบาร์บี้โรเบิร์ตส์อีกคน แม้จะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ทั้งสองค้นพบว่าพวกเขาแบ่งปันมากกว่าชื่อขณะสำรวจมหานครนิวยอร์กและสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหมดที่พวกเขามีเหมือนกัน ขณะที่พวกเขาแข่งขันกันเพื่อชิงรางวัล Spotlight Solo ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เป็นที่ปรารถนาจากไทม์สแควร์ เพื่อนๆ พบว่าการแข่งขันไม่ได้หมายความถึงแค่การชนะ แต่เป็นการพยายามทำให้ดีที่สุด เอาชนะข้อสงสัย และแบ่งปันสปอตไลท์

👉👉  ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ ข่าวบันเทิง ได้ที่นี่

รีวิวหนังอินเดียThe Disciple ศิษย์เอก (2020) ชายหนุ่มผู้คลั่งไคล้ในดนตรี

The Disciple ศิษย์เอก (2020) หนังอินเดีย ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ ชารัท ชายหนุ่มผู้คลั่งไคล้ในดนตรีอินเดียโบราณ และเป็นลูกศิษย์ของนักดนตรีอาวุโสมากความสามารถแต่ไร้ชื่อเสียง ตัวชารัทอยากจะประสบความสำเร็จในวงการของศิลปะคีตศิลป์โบราณ ในขณะที่ตัวเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้ายของโลกการแข่งขันในวงการดนตรี ที่ยากจะถึงเป้าหมายได้ง่ายๆ

เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับ ชารัท เนรุลการ์ ชายหนุ่มผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะประสบความสำเร็จในฐานะนักร้องขยาล หรือเพลงโบราณของอินเดีย เขาเป็นศิษย์เอกของ อาจารย์ปู่ กูรูจิ ปรมาจารย์ด้านดนตรีดั้งเดิมเก่าแก่นี้ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถในการร้องเพลงโบราณได้ไพเราะมากแต่กลับไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและต้องใช้ชีวิตอย่างยากจน แม้กระทั่งค่ายารักษาอาการป่วยก็ยังต้องพึ่งชารัทที่เป็นศิษย์คอยช่วยเหลือให้ นอกจากนี้บิดาของชารัทก็เป็นอดีตนักดนตรีที่ชื่นชอบในดนตรีและการร้องเพลงโบราณของอินเดียอย่างมาก เขายังเป็นผู้ที่มีส่วนในการผลักดันให้ชารัทชื่นชอบด้านดนตรีตั้งแต่เด็ก ตัวชารัทเองก็มีความทะเยอทะยาน อยากจะประสบความสำเร็จในด้านนี้ให้จงได้ แม้ว่าเขาจะเข้าแข่งขั้นประกวดร้องเพลงหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลวมากกว่า เขาก็ยังคงมุ่งสู่เส้นทางนี้ รวมถึงการฟังเทปคำสอนของ “อาจารย์แม่” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ของวงการนี้แต่กลับไม่มีชื่อเสียงแพร่หลายและไม่มีกระทั่งรูปถ่ายหรือบทสัมภาษณ์ นอกจากเทปบันทึกคำสั่งสอนถึงเหล่าลูกศิษย์ที่กลายมาเป็นคัมภีร์สำคัญให้ชารัทยึดถือ เช่นเดียวกับอาจารย์ปู่กูรูที่เขายังคงให้ความเคารพอยู่เสมอ

โดยรวมเกี่ยวข้องกับสังคมในวงการคีตศิลป์หรือดนตรีคลาสสิกโบราณของอินเดีย ซึ่งเป็นศาสตร์ด้านดนตรีที่สืบทอดกันมานานในท้องถิ่น มักเป็นเพลงที่เกี่ยวข้องกับบทสวดสักการะต่อพระเจ้าในความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งต้องยอมรับว่า นี่คือสังคมเฉพาะทางอย่างมากและเป็นโลกที่ผู้ชมชาวไทยคงจินตนาการแทบไม่ออก สรุปแล้ว นี่เป็นภาพยนตร์อินเดียแนวดนตรีและดราม่าความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ที่มีความน่าสนใจในระหว่างรับชม รวมถึงดนตรีอินเดียโบราณที่คนดูจะได้รับฟังไปตลอดทั้งเรื่องด้วย

👉👉  ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่