ในการตัดสินใจลองดูในตอนแรกก็แอบคิดนะว่ามันจะดีหรือว่ะ
เปลี่ยนผู้กำกับจากภาคแรกมาเป็น โอล พาร์คเกอร์ ที่พี่แกทำผลงานเรื่อง Now
Is Good ออกมาก็ไม่ได้มีความเชื่อมอะไรถึง เรื่อง Mamma
Mia Here We Go Again เลย โอเคภาคแรกทำไว้ดีเราก็คาดหวังแบบที่พอรับได้เพราะยังได้นัแสดงอย่าง
ลิลลี เจมส์ เธอสวยและเป็นนักแสดงที่เก่ง แต่แล้วเมื่อได้ดูถึงกับร้อง OMG มันดี
สนุกมีเพลงเพราะๆมันและเรื่องราวก็ไม่ได้แตกออกจากเดิมเลย มันไปต่อได้มันโอเค
ปู เซ็ตติ้ง (setting) เป็นเรื่องราวหลัง
ตัวละครดอนน่าของเมอรีล สตรีพในหนังภาคแรกเสียชีวิต แล้วเลือกภารกิจหลักให้ โซเฟีย
พลิกฟื้นโรงแรมเก่าของเธอ ซึ่งตรงนี้หากบทไม่แข็งแรงพอ
มันจะกลายเป็นหนังเพลงภาคต่อราคาถูกทันที แต่ด้วยความพิถีพิถันในการถักทอเรื่องราว
เราเลยได้เห็นภาพสะท้อนของดอนน่าในวัยสาวที่มีทั้งความบ้าบิ่นและอ่อนไหว
สดใสแต่เปราะบาง มาใช้อธิบายสภาวะเจอมรสุมชีวิตและมรสุมอากาศที่อาจพังความฝันของ
โซเฟีย ในชั่วพริบตาได้อย่างชาญฉลาดเป็นอย่างยิ่ง
และที่ยิ่งเซอร์ไพรส์คือหนังยังใช้เพลงของ แอบบา
ได้เข้ากับสถานการณ์มากกว่าหนังภาคแรก
ควบคู่ไปกับการออกแบบฉากมิวสิคัลที่ต้องบอกว่าเต็มไปด้วยความซับซ้อนในเชิงมิวสิคัลและยังทำงานร่วมกับ
มิสอองแซงในทางภาพยนตร์ได้อย่างลงตัว
โดยส่วนตัวประทับใจการกำกับซีนมิวสิคัลของหนัง
3 ฉากเป็นพิเศษคือเพลง วอเตอร์ลู (Waterloo)
ที่เป็นการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างดอนน่า
และแฮรี่ในวัยหนุ่มสาวที่นอกจากเสียงร้องอันทรงพลังของลิลลี เจมส์ และฮิวจ์
สกินเนอร์ แล้ว การออกแบบท่าเต้นทั้งตัวหลักและอองซอม (Ensemble
Performers- นักแสดงประกอบที่ต้องร้องและเต้นเพื่ออธิบายสถานการณ์ของตัวละครหลักในละครเวทีประเภทมิวสิคัล)
ยังเต็มไปด้วยพลังงานมหาศาลผนวกการถ่ายภาพของโรเบิร์ต โยแมน
(ตากล้องคู่บุญของผู้กำกับ เวส แอนเดอร์สัน)
ที่ทำให้ทุกเฟรมเต็มไปด้วยความครึกครื้นทั้งสีสันที่ทีมกำกับศิลป์วางไว้และการจับความเคลื่อนไหวในกรอบภาพได้อย่างงดงาม
ส่วนเพลง I have a dream ก็ถูกนำมาถ่ายทอดด้วยการเล่าเรื่องด้วยเพลงและภาพได้อย่างหมดจด
สามารถถ่ายทอดการส่งต่อความฝันด้วยการตัดสลับซีนระหว่าง ดอนน่า
วัยสาวที่ค้นพบโรงแรมพังๆแห่งนี้กับการเกิดใหม่อย่างใจฝันของโซเฟียที่ปรับปรุงโรงแรมเบลลาดอนน่าขึ้นใหม่เพื่อแม่ที่จากไปของเธอได้อย่างงดงามจนใครที่บ่อน้ำตาตื้นต้องมีรื้นๆกันบ้างแหละ
และหากใครรู้สึกเซ็งหนังภาคแรกที่ถ่ายทอดฉากมิวสิคัลเพลง
แดนซิงควีน (Dancing Queen) เพลงฮิตระดับตำนานของวงแอบบาได้อย่างไม่สมศักดิ์ศรี
หนังภาคนี้คือการชดเชยที่สาแก่ใจมาก
เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองความสุขของตัวละครทุกตัวในเรื่อง
และถูกจัดวางให้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญ
แถมยังออกแบบซีนนี้ได้อย่างอลังการด้วยการร้องและเต้นของตัวละครหลักและอองซอม
บนเรือสำราญใหญ่ยักษ์หลายลำ
ก็ทำให้ภาพออกมาอลังการและน่าประทับใจสมศักดิ์ศรีเพลงในดวงใจตลอดกาลของใครหลายคนเป็นอย่างยิ่ง