Friday, April 23, 2021

รีวิวซีรีย์ เรื่อง Into The Beat

 


ก็ต้องยอมรับนะว่าซีรีย?เรื่องไหนสนุกเราก็อยากชมอยากชวนให้ดูแต่เรื่องเราต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ได้โกรธหรือเกลียดนักแสดงหรือผู้กำกับนะ แต่เราว่ามันธรรมดามากจริงๆ คือเนื้อเรื่องมันไม่มีอะไรเลย ดูเฉยๆเอามากและในการใส่ความลึกลับหรือจะผูกปมให้มีการเชื่อมโยงหรือให้เราคิดตามมันก็ไม่ได้อะ เรื่องราวของวงการบัลเลต์มาเป็นจุดเริ่มต้น เมื่อนางเอก Katya นักเรียนบัลเลต์ที่ทุ่มเทฝึกมาทั้งชีวิตตลอด 15 ปี เพื่อเข้าไปอยู่ในคณะบัลเลต์มืออาชีพตามรอยพ่อและครอบครัวที่เป็นนักบัลเลต์ชื่อดังทั้งบ้าน แต่หลังพ่อของเธอประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บขณะแสดง และก็ดูเหมือนจะกลับเข้าวงการไม่ได้ เธอซึ่งเป็นตัวแทนความฝันของพ่อกลับเริ่มรู้สึกว่าบัลเลต์ไม่ใช่จุดหมายในชีวิตของเธอ แต่เป็นการต้นฮิปฮอปสตรีทแดนซ์ที่เธอไปพบเจอกลุ่มเพื่อนใหม่โดยบังเอิญ และก็ถูกดึงเข้าสู่โลกของการเต้นอิสระฟรีสไตล์มากกว่าการเต้นที่ถูกกำหนดท่าตายตัวมาอย่างบัลเลต์ที่เธอฝึกมาทั้งชีวิต นี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่เธอต้องแตกหักกับพ่อ ที่คาดหวังเหลือเกินว่าเธอต้องเข้าวงการบัลเลต์มืออาชีพให้ได้



ต้องบอกเลยว่านี่เป็นหนังเต้นที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่แม้แต่นิดเดียว พล็อตเรื่องยังคงเป็นไปตามสูตรหนังเต้นอเมริกันที่ผลิตออกมาก่อนจนเลิกฮิตแล้ว สูตรที่ว่าก็คือตัวเอกค้นพบเส้นทางใหม่สายการเต้นแบบนี้ และก็มักเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตวัยรุ่นด้วย เพราะหนังแนวนี้มักใช้ช่วงเวลาค้นหาตัวเองมาเป็นเมนหลักดราม่า ที่ต้องขัดกับครอบครัว คนรัก อดีตเดิมๆ ที่ไม่ใช่แนวทางการเต้นแบบนี้ ซึ่งพอเข้ามาเส้นทางนี้ก็จะพบรักกับพระเอก นางเอก ปิ๊งกัน สอนเต้น จับคู่ รักกัน และก็ไปจบที่การร่วมมือกันเต้นประกวด งานแข่ง การคัดตัว อันเป็นไคลแม็กซ์โชว์ท่าเต้นที่ดีที่สุดกับเพลงประกอบเพราะๆ มันส์ๆ ปิดท้ายเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นไปตามสูตรนี้ทั้งหมด 



แถมเป็นไปตามลำดับเป๊ะๆ จนดูน่าเบื่อสุดๆ ที่หนังไม่มีอะไรแปลกใหม่มาให้เห็นเลย แม้จะวางตัวว่านางเอกเป็นนักบัลเลต์ที่เก่งมาก่อน นึกว่าจะได้เห็นการรวมบัลเลต์เข้ากับสตรีทแดนซ์มาให้ผู้ชมได้ดู แต่กลับไม่มีท่าเต้นที่รู้สึกได้เลยว่ามิกซ์กัน ทั้งๆ ที่เรื่องนี้คือนางเอกต้องพยายามคิดท่าเต้นของตัวเองเพื่อให้หลุดจากกรอบของบัลเลต์ที่ฝึกมา แถมท่าเต้นต่างๆ กับเพลงในเรื่องยังไม่มีความโดดเด่นหรือเพลงติดหูเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขนาดไคลแม็กซ์ของหนังแนวนี้ที่ว่าอย่างน้อยต้องเจ๋งในระดับหนึ่ง แต่เรื่องงนี้กลับทำได้จืดสุดๆ เพลงที่ใช้ก็เป็นเพลงช้าเนือยๆ กับท่าเต้นพื้นๆ ไม่มีความว้าวให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ในบทนี่กลับกลายเป็นว้าวสุดๆ แถมเรื่องนี้ยังไม่มีคู่แข่งเต้นเปรียบเทียบเลยอีกด้วย กลายเป็นหนังเต้นที่ทั้งพระเอกนางเอกก็เต้นแบบจืดๆ กันอยู่สองคนตั้งแต่ต้นจนจบ และก็ไม่ได้มีฉากเต้นมากมาย อาจจะน้อยที่สุดตั้งแต่ดูหนังแนวนี้มาเลยก็ได้ ซึ่งอาจจะเพราะเรื่องต้องแบ่งเวลาไปทางบัลเลต์ด้วย แต่ในส่วนของบัลเลต์เองก็ผิวเผินไม่มีฉากสำคัฐอะไรเลยนอกจากนางเอกฝึกซ้อมทั่วๆ ไปเท่านั้น



ซีรีย์เกาหลีฟินๆหาดูได้ที่นี่ ดูซีรี่ย์เกาหลี

No comments:

Post a Comment

13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix

 13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix เรื่องราวของ อีแวนด์ โกลด์แมน เด็กหนุ่มที่ย้ายมาจากโรงเรียนในนิวยอร์คตามครอบครัว ...