แนะนำภาพยนต์แนวเพลงมิวสิคัล Valley Girl (2020) เรื่องราวเบาสมอง ความรักของหนุ่มสาวที่ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ภาพความแฟนตาซีและบทเพลงอันไพเราะลื่นหู สิ่งที่เรากล่าวมาข้างต้นนั้นคือองค์ประกอบของหนังเพลงเรื่องใหม่อย่าง Valley Girl ซึ่งจะพาผู้ชม พักเรื่องราวหนักๆในชีวิตของตัวเองสักสองชั่วโมงและปล่อยใจไป ความรักของสองหนุ่มสาวยุค 80 กว่า 37 ปี
เรื่องราวความรักของสองหนุ่มสาวยุค 80 กว่า 37 ปี หนังแนววัยรุ่นโรแมนติกที่ว่าด้วยหนุ่มหล่ออย่างแรนดี้ (นิโคลัส เคจ) จากย่านฮอลลีวูดที่บังเอิญมาเจอสาวไฮโซจากย่านซิลิคอน วัลเลย์ อย่างจูลี่ (เดโบราห์ ฟอร์แมน) ในงานปาร์ตี้ที่เขาไม่ได้รับเชิญ แรนดี้พาจูลี่ไปเที่ยวตามบาร์ดนตรีร็อคแอนด์โรลเพื่อเปิดโลกใบใหม่ซึ่งเธอไม่เคยพานพบมาก่อน สองหนุ่มสาวตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของเพื่อนตัวเองที่พยายามขัดความเส้นทางแห่งความสุขของทั้งคู่ แล้วทั้งสองจะจัดการความรักแสนวุ่นวายครั้งนี้ให้ลงเอยได้อย่างไร พร้อมกลับมาสร้างความประทับใจให้กับคนรุ่นใหม่อีกครั้ง และยังทำให้พวกเขาเข้าใจความเป็นวัยรุ่นของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่
อย่างไรก็ตาม Valley Girl ที่อยู่ภายใต้การดูแลของสตูดิโอ MGM เคยประกาศว่าจะมีการสร้างหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2017 แต่ความล่าช้าในหลากหลายด้าน ทำให้กว่าหนังจะเสร็จและได้ออกฉาย ก็ล่วงเลยมาถึงปี 2020ความพิเศษในเวอร์ชั่นปี 2020 คือตัวหนังถูกดัดแปลงให้กลายเป็นหนังมิวสิคัล และขนเพลงฮิตจากยุค 80 อาทิ Take On Me และ We Got the Beat เข้ามา (ในตัวหนังน่าจะมีอีกหลายเพลงทีเดียว) ซึ่งได้นักแสดงสาวดาวรุ่งเจสสิก้า รอธ จากหนังเรื่อง Happy Death Day มารับบทเป็นจูลี่ ส่วนบทแรนดี้ได้ (จอร์ช ไวท์เฮาส์) โดยตัวหนังจะเล่าเรื่องราวในยุคปัจจุบันและพาคนดูหสนรำลึกถึงความหลังของจูลี่ (อลิเซีย ซิลเวอร์สโตน) ที่จะเล่าเรื่องราวความรักของเธอให้กับลูกสาวฟัง โดยมี ร๊อบ ฮูว์เบล มารับบทเป็นพ่อของจูลี่
👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่
No comments:
Post a Comment