Friday, November 12, 2021

รีวิว Beauty and the Beast (โฉมงามกับเจ้าชายอสูร)

Beauty and the Beast (โฉมงามกับเจ้าชายอสูร) เรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าหญิงดิสนีย์ก็คือ ความรักของเธอกับเจ้าชายที่สุดท้ายก็มักจะลงเอยกันโดยจำต้องผ่านอุปสรรคบางอย่างไปก่อน หนังให้คติความคิดบางอย่างที่ออกจะเป็นการมองโลกในแง่ดี และเป็นประเด็นง่ายๆ ที่เด็กจะหยิบจับต้องได้ และโดยเฉพาะผู้ชมที่เป็นฝ่ายหญิง


เรื่องราวความรักของมนุษย์สาวชนชั้นธรรมดา กับอสูรหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวที่เป็นเจ้าชายในปราสาทใหญ่ หนังที่เคยเป็นการ์ตูน แต่วันนี้กลายมาเป็นหนังคนแสดง เมื่อเจ้าชายต้องคำสาปจากหญิงชราให้กลายเป็นอสูรมีเขามีขนรุงรัง เพียงสิ่งเดียวที่จะลบล้างมันได้คือการได้รับรักแท้จากหญิงสาวสักคนก่อนที่กลีบกุหลาบใบสุดท้ายจะหลุดร่วงจากดอกกุหลาบ


โดยรวมแม้จะไม่ถึงขั้นแฟนพันธุ์แท้หนังเจ้าหญิงดิสนีย์ แต่ก็พอเห็นอยู่บ้างว่า หนังมีการหยิบเอามุมมองของฉากต่างๆ ที่ผู้คนจดจำของเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นมาสร้างใหม่ในแบบคนแสดงแทบจะไม่ต้องเล่าเรื่องราวอะไรเลยก็ได้ เพราะมันแทบจะไม่แตกต่างกันเลย มีความแฟนเซอร์วิสค่อนข้างจริงจังหนังค่อนข้างจะเดินเรื่องด้วยการร้องเพลงกันมากพอสมควร จะมีช่วงเวลาพูดคุยกันจริงๆ ไม่มากเท่าไหร่ ถ้าใครชอบเพลงเพราะๆ หนังเรื่องนี้มีมาให้อย่างเต็มอิ่ม กลับกันถ้าคุณไม่ชอบหนังที่มีแต่เพลงก็อาจจะรู้สึกว่ามันเยอะไป และการดูหนังที่ร้องกันแต่เพลง มีผลให้ต้องอ่านซับไตเติลมากขึ้นกว่าเดิมด้วย เพราะบทกวีที่ร้องเป็นเสียงสูงต่ำมันจะจับคำได้ยากกว่าการพูดสนทนากันตามปกติแม้ว่าช่วงเวลาของการอยู่ร่วมกันของสองพระนางจะดูสั้นไปนิด จนหลายบ่นว่ารักกันง่ายเกินไป แต่ดูเหมือนในเวอร์ชั่นคนแสดง จะมีการเพิ่มเติมบางบทเข้ามาเพื่อเสริมความน่าเชื่อถือให้กับตัวเรื่องราวมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องราวเบื้องหลังแฟลชแบ็กกลับไปเล่าเรื่องในอดีตของเบลล์


👉👉  นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังรักคอมเมดี้ ได้ที่นี่

No comments:

Post a Comment

13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix

 13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix เรื่องราวของ อีแวนด์ โกลด์แมน เด็กหนุ่มที่ย้ายมาจากโรงเรียนในนิวยอร์คตามครอบครัว ...