The High Note ไต่โน้ตหัวใจตามฝัน น่าจะเป็นหนังชีวิตคลุกเคล้ากับเสียงเพลงที่เต็มไปด้วยจังหวะที่ลงตัวกำลังพอเหมาะพอดี และเป็นหนังแนวเอาใจคนรักเสียงดนตรีที่น่ารักประทับใจได้ไม่ยาก แม้ว่าโดยภาพรวมของหนังจะเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จ แต่เมื่อเครดิตตอนท้ายขึ้นมา หนังเรื่องนี้กลับทำให้เรายิ้มได้แบบไม่รู้ตัว เหมือนกับปลายทางของตัวละครของเรื่องที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง
แน่นอนว่าหนังมาพร้อมกับสูตรสำเร็จแบบเดิมๆ เต็มไปหมด แต่บนพื้นฐานของความจำเจนั้น ผู้สร้างฉลาดที่จะนำเสนอด้วยการใช้ตัวละครมาขับเคลื่อนเสน่ห์ให้กับหนัง ด้วยบทสนทนาและถ้อยคำที่คมคายในหลายๆ ฉาก โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นของผู้หญิงคนละวัยกัน จะว่าไปตัวหนังเองก็มีส่วนประกอบของหนังประเภทนี้อยู่หลายๆ เรื่อง มีกลิ่นไอความเป็น The Devil Wears Prada อยู่หน่อย ใส่ความโรแมนซ์เสียงเพลงจาก Music and Lyrics เข้าไปนิดๆ และใช้เสน่ห์ของ La La Land กับ A Star Is Born เข้าไปเสริม ออกมาเป็นหนังที่ยังลงตัวได้อยู่
ความโดดเด่นอีกอย่างของหนังก็คือเพลง แม้ว่าจะไม่ได้เน้นอะไรมากมายสักเท่าไหร่ แต่ก็ถือเป็นองค์ประกอบที่หนังเพลงเรื่องนี้ต้องมี ยอมรับว่าหลายๆ เพลงแต่งออกมาได้สะดุดหูไม่ยาก แต่โดยรวมก็ยังเป็นเพียงเพลงป็อบใส่จังหวะและเสียงแบ็คอัพทั่วๆ ไป พอโยกตัวไปตามทำนองได้ แต่เพลงประกอบหลักอย่าง "Love Myself" ถือว่ามีความหมายที่ลึกซึ่งกินใจดี ขณะที่ก็ยังแอบชอบเพลง "Stop for a Minute" กับ "Bad Girl" ที่ติดหูกำลังพอดี
👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่
No comments:
Post a Comment