West Side Story ดัดแปลงมาจากฉบับละครมิวสิคัลในปี 1957 ที่ว่าด้วยเรื่องราวความรักและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในมหานครนิวยอร์กในช่วงที่คราคร่ำไปด้วยเหล่าผู้อพยพ กลายเป็นการห้ำหั่นกันระหว่าง 2 กลุ่มวัยรุ่นคึกคะนอง แก๊งเจ็ตต์ ชาวผิวขาวเจ้าถิ่นเดิม กับ แก๊งชาร์ค ชาวผิวสีผู้อพยพจากลาตินอเมริกัน ที่กลายมาเป็นบาดแผลและโศกนาฏกรรมแห่งสังคมที่ต้องจดจำ
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนเลยว่า ผู้เขียนไม่เคยมีประสบการณ์ดูหนังเวอร์ชั่นปี 1961 มาก่อน เพียงแค่เคยโครงเรื่องเกี่ยวกับละครเวทีเรื่องนี้มาบ้างประปราย ดังนั้นในครั้งนี้ถือว่าเป็นการเข้าไปเสพ West Side Story แบบจริงจังเป็นครั้งแรก และทำให้พบว่าตัวเรื่องก็มีเค้าโครงอิงมาจากบทประพันธ์รักในตำนาน โรมิโอ กับ จูเลียต เป็นแกนหลักตามที่เกริ่นเอาไว้จริงๆ แต่ได้ปรุงแต่งใหม่เข้ากับสมัยสังคมก็เพียงเท่านั้นเอง
เรื่องราว โทนี (รับบทโดย แอนเซล เอลกอร์ธ Ansel Elgort) อดีตนักเลงหัวไม้แห่งแก๊งเจ็ตส์หลงรักมาเรีย (รับบทโดย ราเชล เซเกลอร์ Rachel Zegler) สาวสวยชาวเปอร์โตริโกน้องสาวของ เบอร์นาโด (รับบทโดยเดวิด อัลวาเรซ David Alvarez) หัวหมู่ทะลวงฟันแห่งแก๊งชาร์คที่มักเปิดศึกกับ ริฟฟ์ (รับบทโดยไมค์ เฟสท์ Mike Faist) หัวหน้าแก๊งเจ็ตส์และเพื่อนรักของโทนี เมื่อความเกลียดชังระหว่างเชื้อชาติปะทุไฟสงคราม ความรักของโทนีกับมาเรียเลยกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
โดยรวม‘West Side Story’ เวอร์ชันนี้มีความเป็นการเมืองมากกว่าเวอร์ชันไหน และแอบสะท้อนท่าทีจิกกัดสังคมแบบแฝงอยู่ในลีลาการเล่าเรื่องของมัน ที่สำคัญคุชเนอร์ยังกล้าเปลี่ยนแปลงทั้งการสลับตำแหน่งเพลงที่ใช้ในเรื่องเพื่อผลในการสร้างอารมณ์ร่วมและสื่อความหมายรวมถึงให้ที่มาที่ไปในหลายเหตุการณ์ เช่นการให้มาเรียร้องเพลง ‘I Feel Pretty’ แล้วลองเสื้อผ้าราคาแพงในห้างของคนรวยตอนตัวเองทำความสะอาดห้าง ที่เปลี่ยนความหมายจากเพลงลั่ลล้าสู่การเย้ยหยันชะตากรรมตัวละครไปในทีได้อย่างคมคาย
👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส ได้ที่นี่
No comments:
Post a Comment