Saturday, June 25, 2022

รีวิว Step Up 2: The Streets สเต็ปโดนใจ หัวใจโดนเธอ 2

Step Up 2: The Streets สเต็ปโดนใจ หัวใจโดนเธอ 2 ในภาคแรกนั้นถือว่าเป็นหนังรักที่คนสองคนสื่อใจจนตรงกันผ่านท่วงท่าภาษากาย (หรือการเต้น) ในขณะที่ภาคสองและภาคต่อจากนี้ หนังจะเริ่มเป็นเน้นที่ลีลาการเต้นแบบเต็มตัว โดยจะมีเรื่องรักๆ ของวัยรุ่นแทรกลงมาเป็นเรื่องรอง


เรื่องราวเกี่ยวกับสาวน้อยนางหนึ่งที่เป็นนางเอกนามว่า Andie West (Briana Evigan) ที่เป็นนักเต้น Hip Hop B-Boy Street Dance ข้างถนน และอยู่ในกลุ่มก๊วนกวนเมือง 410 ที่คอยเต้นป่วน และโชว์ฝีมือการกระทำลงใน Youtube จนทำให้ผู้อุปถัมภ์ค้ำชู เกิดอาการอดรนทนไม่ไหว จะส่งเธอไปอยู่ที่อีกเมือง เลยทำให้เพื่อนเก่าเพื่อนแก่และเปรียบเสมือนพี่ชายคนโตอย่าง Tyler Gage (หนุ่มตาตุ่ม: Tatum จากภาคแรก) เข้ามาเกลี้ยกล่อมและสร้างแรงบันดาลใจ เบ็นเข็มชีวิตใหม่เข้าสู่โรงเรียนสอนศิลปะ และการแสดงของแมรี่แลนด์ ทำให้เธอได้พบกับชายหนุ่มจอมให้ท่าผู้เป็นพระเอกอย่าง Chase Collins(Robert Hoffman) เข้ามาสู่ชีวิต ต่างคนต่างช่วยเหลือกัน ทำตามความฝัน และฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อไปสู่เป้าหมาย คือ การแข่งขันการเต้น The Streets พร้อมกับพรรคพวกที่ต่างคนต่างอยากได้การยอมรับนับถือในความสามารถที่แฝงอยู่ในตัวทุกคน 


ภาพยนตร์แนวๆ นี้คงไม่ต้องกล่าวอะไรมาก เพราะคนดูสามารถเดาได้อย่างตลอดรอดฝั่งว่าจะเป็นอย่างไร และที่สำคัญเป็นหนังภาคต่อที่หลายๆ คนได้ยินคงปรามาสไว้ว่า “จะดีเร้อ ภาคแรกก็สูตรสำเร็จ ภาคนี้ก็คงไม่ต่างกัน”  ใช่ ไม่ต่างกัน แถมบทโดยรวมสู่ภาคแรกยังไม่ค่อยได้ เพราะมีการตัดหลายฉากที่ค่อนข้างเป็นดราม่าออกไป ไปโฟกัสที่ชีวิตน้องนางเอกยิ้มหวานแอบมีพุงคนเดียว  ทำให้ความเชื่อมโยงของตัวละครบางตัวหลุดวงโคจร เหมือนเอาเข้ามาเป็นตัวประกอบไปงั้นๆ ทั้งๆ ที่ในหนังตัวอย่าง มีตัวละครนี้ออกมาพูดแว๊ดๆ ยั่วพระเอก และสร้างปมและประเด็นในเรื่องรักสามเส้า และทำให้พระเอกเข้าใจตัวเองมากขึ้นว่าต้องการทำตามความฝันไปพร้อมกับนางเอก แต่กลับหายต๋อม กลายเป็นมาเดินพยายามสวย ผ่านหน้ากล้อง เต้นยึกยักที 2 ที ทำตาจิกอีก 2 ครั้ง ปิดท้ายด้วยยิ้มแป้นแล้น แค่เนี๊ยะ เอามาทำไม ประมาณว่า “ตกลงยัยคมเข้มนี่มันเป็นใครอ่ะ ตกลงมันเป็นตัวอิจฉาหรือเปล่า เดี๋ยวจิก เดี๋ยวดี งงฟ่ะ”


สรุปหนังไม่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของบท และความเข้มข้นของเนื้อหาได้ดีนัก แม้จะมีแฝงประเด็นด้านความแตกต่างของบุคคลลงไป และบทสนทนาที่คมคายในบางช่วง แต่ความหนักแน่นของท่าเต้นและความมันส์ของเพลงนั้นทำให้ข้อด้อยตรงนี้โดนกลบไปได้พอตัว แน่นอนสร้างความเพลิดเพลินให้ผู้ชมได้อย่างดี และที่สำคัญคอเพลง Hip Hop รวมถึงก๊วนที่ชอบแดนซ์ B-Boy รับรองว่าจะชอบภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างมาก และเอามาเป็นแรงบันดาลใจ เช่นเดียวกับที่เราเองดูจบแล้วมาทำหน้าเป็นพระเอก เต้น Hip Hop อยู่หน้าคอมจนกระเบื้องปูพื้นแตกเลย

👉👉 ติตตามสนับสนุนได้ที่นี่  รีวิวซีรี่ย์ฮิตติดกระแส

No comments:

Post a Comment

13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix

 13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix เรื่องราวของ อีแวนด์ โกลด์แมน เด็กหนุ่มที่ย้ายมาจากโรงเรียนในนิวยอร์คตามครอบครัว ...