Friday, April 30, 2021

แอปทดลองอัดวิดีโอเล่นดนตรีกับเพื่อนผ่านแอปพลิเคชันสามารถทดลองเล่นได้ผ่าน facebook

 


Facebook ได้พัฒนาและปล่อยแอปพลิเคชันที่มีแนวคิดสุดบรรเจิดออกมาได้ ซึ่งแอปพลิเคชันนี้มีชื่อว่า Collab เป็นแอปใหม่บน iOS ที่ได้แนวคิดมาจากการเล่นวิดีโอสั้นๆ ในแอป TikTok ซึ่งได้นำมาดัดแปลงให้ผู้ใช้สามารถอัดคลิปการเล่นดนตรีมิกส์กับเพลงต้นฉบับ หรือเพลงที่เพื่อนเราอัดไว้ก่อนหน้าได้ ซึ่งมีความคล้ายกับฟีเจอร์ TikTok ที่ให้เปิดเสียงต้นฉบับและสร้างสรรค์คอนเทนต์ตามอัธยาศัย หรือ Duet กับคลิปของคนอื่นได้

ทางทีม NPE บอกว่าเสียงดนตรีเป็นศิลปะที่สร้างสรรค์และทรงพลังที่สุด และด้วยแอปพลิเคชัน Collab นี้เราได้นำแนวคิดเหล่านั้นมานำเสนอผ่านเทคโนโลยีใหม่  ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองออกมาในรูปแบบของเสียงเพลง ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถร่วมสร้างเสียงดนตรีไปกับเพื่อนๆ ทั่วโลกได้

 


ฟีเจอร์ของ Collab หลักๆ ก็คือสามารถให้ผู้ใช้ซิงค์การเล่นดนตรี กับเพื่อนได้พร้อมกัน 3 หน้าจอ และอัดคลิปไปบนแพลตฟอร์ม หรือว่าจะจับเอาคลิปของคนอื่นมาฟีเจอร์ริ่ง และมิกซ์ใหม่เป็นฉบับของตัวเองเช่นนำท่อนกีต้าของอีกคนมาผสมกับคีย์บอร์ดของเราอะไรประมาณนี้

Tuesday, April 27, 2021

ติดเทรนด์ คัฟเวอร์เพลง ป๊ายปาย โอริโอ้คัฟเวอร์เพลง โลกอีกใบ

 


คู่จิ้นนุ๊ก ธนดล (ธนดล ศิริแวว) พนักงานค่าย สิงห์มิวสิค อย่าง ป๊ายปาย โอริโอ้ (ฉัตรนภา เขียวขำ) ก็ได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินเต็มตัวพร้อมปล่อยเพลงของตัวเองอย่าง "เสียอาการ" และคลิปคัฟเวอร์เพลง "โลกอีกใบ"เพลง "โลกอีกใบ" เป็นผลงานของ ส้ม-มารี เออเจนี เลอเลย์ ที่ปายได้เลือกมาคัฟเวอร์ในสไตล์ตัวเอง โดยถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลงคลิปการร้องเพลง แต่ปายและค่ายสิงห์มิวสิค ก็ได้ให้ นายแต้ม บ่าวริมโขง ทำกราฟฟิกคลิปเพลงนี้ก่อนโพสต์คลิป

นอกจากคลิปเพลง "โลกอีกใบ" ของปายจะกระแสตอบรับดีจนยอดวิวทะลุ 500,000 ครั้งไปแล้ว (นับยอดวิวถึงวันที่ 26 เมษายน) ตัวคลิปยังติดเทรนด์วิดีโอมาแรงของ YouTube และยังได้คอมเมนต์แง่บวกจากส้ม มารี ด้วย



มาฟินกันได้ที่นี่ ซีรี่ย์วาย

Sunday, April 25, 2021

มาถึงโค้งสุดท้าย IDOL PARADISE การแข่งขันรอบ Semi final ใครจะเป็น 9 คนสุดท้าย!

 


อดใจรออีกนิด! เราจะได้ 9 คนสุดท้าย กับการเปลี่ยนเด็กสาวธรรมดา ให้กลายเป็นไอดอลบนเวทีเรียลลิตี้สเตจโชว์ ‘IDOL PARADISE’ เพื่อค้นหาเกิร์ลกรุ๊ปกลุ่มใหม่ของเมืองไทย จาก ค่าย VCM CORPORATION ร่วมลุ้นร่วมเชียร์สาวน้อยกลุ่มที่ 3 ทีม Comfort Z-one ในสัปดาห์ที่ 12 กับการแข่งขันของ หมิงหมิง - กันยากร นามบุญเรือง สายร้อง เสียงหวาน / พรีม - ณัฐณิชา แสงมณี สายแดนซ์ สเต็ปเทพ / ฝัน - ปนัสยา แอนเจลิก้า ดีมากด์ สายแข็ง ทั้งร้องเต้นพี่ใหญ่ประจำทีม / เบนซ์ - เขมจิรา ปัญญาวิมุติ สายขยัน มุ่งมั่นและเอาจริง / แก้ม - ปุณยนุช สุวรรณทัต สายแร็ป สุดเฟี้ยว และ แอนนี่ - อรรฆพร สร้อยสุข สายนักสู้ หนักแค่ไหนก็ไม่ท้อ

มินิคอนเสิร์ตสัปดาห์ที่ 12 บนเวที “IDOL PARADISE” ของทีม ‘Comfort Z-one’ ที่เหล่าสาวน้อยพร้อมแล้วกับการข้ามขีดจำกัดตัวเอง ด้วยการโชว์ร้องเต้นร่วมวงดนตรีสด กับ 2 เพลงฮิตทั้งไทยและสากล

 


6 สาวน้อย ทีม ‘Comfort Z-one’ เปิดเวทีด้วยโชว์เพลงไทย “ถ้าเขาจะรัก” (ยืนเฉยๆ เขาก็รัก) (Enough) จากศิลปินต้นฉบับ เฟิร์ส อนุวัฒน์ ที่ทำออกมาได้ซึ้งและน่ารักมากๆ ตามด้วยโชว์เพลงสากล “Shake It Off” ของศิลปินสาวมากความสามารถ เทย์เลอร์ สวิฟต์ มาโคฟเวอร์ใหม่เรียกว่าโชว์นี้สาวน้อยทุกคนได้ปลดปล่อยความสนุกสนานออกมาเกินร้อย เพอร์ฟอร์แมนซ์ร้องเต้น สุดปัง น่าประทับใจราวกับเป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปมืออาชีพ ทำเอาพี่ชายใจดี “บอย - ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” พิธีกรดำเนินรายการ และกรรมการทั้ง 3 ท่าน ต๊งเหน่ง - รัดเกล้า อามระดิษ, ป๊อบ - ปองกูล สืบซึ้ง และ ฮั่น - อิสริยะ ภัทรมานพ พากันออกปากชื่นชมการโชว์ครั้งนี้ว่า The Best



Friday, April 23, 2021

รีวิวซีรีย์ เรื่อง Into The Beat

 


ก็ต้องยอมรับนะว่าซีรีย?เรื่องไหนสนุกเราก็อยากชมอยากชวนให้ดูแต่เรื่องเราต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ได้โกรธหรือเกลียดนักแสดงหรือผู้กำกับนะ แต่เราว่ามันธรรมดามากจริงๆ คือเนื้อเรื่องมันไม่มีอะไรเลย ดูเฉยๆเอามากและในการใส่ความลึกลับหรือจะผูกปมให้มีการเชื่อมโยงหรือให้เราคิดตามมันก็ไม่ได้อะ เรื่องราวของวงการบัลเลต์มาเป็นจุดเริ่มต้น เมื่อนางเอก Katya นักเรียนบัลเลต์ที่ทุ่มเทฝึกมาทั้งชีวิตตลอด 15 ปี เพื่อเข้าไปอยู่ในคณะบัลเลต์มืออาชีพตามรอยพ่อและครอบครัวที่เป็นนักบัลเลต์ชื่อดังทั้งบ้าน แต่หลังพ่อของเธอประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บขณะแสดง และก็ดูเหมือนจะกลับเข้าวงการไม่ได้ เธอซึ่งเป็นตัวแทนความฝันของพ่อกลับเริ่มรู้สึกว่าบัลเลต์ไม่ใช่จุดหมายในชีวิตของเธอ แต่เป็นการต้นฮิปฮอปสตรีทแดนซ์ที่เธอไปพบเจอกลุ่มเพื่อนใหม่โดยบังเอิญ และก็ถูกดึงเข้าสู่โลกของการเต้นอิสระฟรีสไตล์มากกว่าการเต้นที่ถูกกำหนดท่าตายตัวมาอย่างบัลเลต์ที่เธอฝึกมาทั้งชีวิต นี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่เธอต้องแตกหักกับพ่อ ที่คาดหวังเหลือเกินว่าเธอต้องเข้าวงการบัลเลต์มืออาชีพให้ได้



ต้องบอกเลยว่านี่เป็นหนังเต้นที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่แม้แต่นิดเดียว พล็อตเรื่องยังคงเป็นไปตามสูตรหนังเต้นอเมริกันที่ผลิตออกมาก่อนจนเลิกฮิตแล้ว สูตรที่ว่าก็คือตัวเอกค้นพบเส้นทางใหม่สายการเต้นแบบนี้ และก็มักเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตวัยรุ่นด้วย เพราะหนังแนวนี้มักใช้ช่วงเวลาค้นหาตัวเองมาเป็นเมนหลักดราม่า ที่ต้องขัดกับครอบครัว คนรัก อดีตเดิมๆ ที่ไม่ใช่แนวทางการเต้นแบบนี้ ซึ่งพอเข้ามาเส้นทางนี้ก็จะพบรักกับพระเอก นางเอก ปิ๊งกัน สอนเต้น จับคู่ รักกัน และก็ไปจบที่การร่วมมือกันเต้นประกวด งานแข่ง การคัดตัว อันเป็นไคลแม็กซ์โชว์ท่าเต้นที่ดีที่สุดกับเพลงประกอบเพราะๆ มันส์ๆ ปิดท้ายเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นไปตามสูตรนี้ทั้งหมด 



แถมเป็นไปตามลำดับเป๊ะๆ จนดูน่าเบื่อสุดๆ ที่หนังไม่มีอะไรแปลกใหม่มาให้เห็นเลย แม้จะวางตัวว่านางเอกเป็นนักบัลเลต์ที่เก่งมาก่อน นึกว่าจะได้เห็นการรวมบัลเลต์เข้ากับสตรีทแดนซ์มาให้ผู้ชมได้ดู แต่กลับไม่มีท่าเต้นที่รู้สึกได้เลยว่ามิกซ์กัน ทั้งๆ ที่เรื่องนี้คือนางเอกต้องพยายามคิดท่าเต้นของตัวเองเพื่อให้หลุดจากกรอบของบัลเลต์ที่ฝึกมา แถมท่าเต้นต่างๆ กับเพลงในเรื่องยังไม่มีความโดดเด่นหรือเพลงติดหูเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขนาดไคลแม็กซ์ของหนังแนวนี้ที่ว่าอย่างน้อยต้องเจ๋งในระดับหนึ่ง แต่เรื่องงนี้กลับทำได้จืดสุดๆ เพลงที่ใช้ก็เป็นเพลงช้าเนือยๆ กับท่าเต้นพื้นๆ ไม่มีความว้าวให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ในบทนี่กลับกลายเป็นว้าวสุดๆ แถมเรื่องนี้ยังไม่มีคู่แข่งเต้นเปรียบเทียบเลยอีกด้วย กลายเป็นหนังเต้นที่ทั้งพระเอกนางเอกก็เต้นแบบจืดๆ กันอยู่สองคนตั้งแต่ต้นจนจบ และก็ไม่ได้มีฉากเต้นมากมาย อาจจะน้อยที่สุดตั้งแต่ดูหนังแนวนี้มาเลยก็ได้ ซึ่งอาจจะเพราะเรื่องต้องแบ่งเวลาไปทางบัลเลต์ด้วย แต่ในส่วนของบัลเลต์เองก็ผิวเผินไม่มีฉากสำคัฐอะไรเลยนอกจากนางเอกฝึกซ้อมทั่วๆ ไปเท่านั้น



ซีรีย์เกาหลีฟินๆหาดูได้ที่นี่ ดูซีรี่ย์เกาหลี

Monday, April 19, 2021

ทะลุ 400 ล้านวิว สำหรับยอดวิวเอ็มวี “Love Shot ของหนุ่มๆ EXO

 


วันที่ 19 เม.ย. 2021 เวลา 5.25 น. ตามเวลาประเทศเกาหลี เพลงสุดปังของ EXO อย่าง “Love Shot” สามารถทำลายสถิติยอดวิวมิวสิควิดีโอใน YouTube แตะ 400 ล้านวิวได้เป็นครั้งแรก และเป็นเพลงแรกของวง หากนับจากวันที่อัปโหลดวิดีโอลง YouTube ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2018 หมายความว่ามิวสิควิดีโอเพลง “Love Shot” ของ EXO สามารถทำยอดวิวได้ถึง 400 ล้านวิวในเวลา 2 ปี 4 เดือน กับอีก 5 วัน

 

Love Shot” เป็นเพลงไตเติลแทร็กจากอัลบั้มชุดที่ 5 เวอร์ชั่นรีแพกเกจชื่อเดียวกันกับเพลง Love Shot เพลงนี้มีเอกลักษณ์ที่ดนตรีป็อปแดนซ์ที่มีซาวด์เบสสไตล์ 808 พร้อมท่าเต้นสุดเซ็กซี่เย้ายวน หลังจาก EXO ปล่อยเพลงนี้ออกมา ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมทั้งจากในประเทศเกาหลีใต้ และต่างประเทศทั่วโลก สามารถอยู่ที่อันดับ 1 ชาร์ตเพลง World Digital Songs ของ Billboard ติดต่อกันถึง 3 สัปดาห์

 

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา Social Media ของ EXO ปล่อยคลิปการรวมตัวกันของสมาชิก EXO ที่เหมือนว่ากำลังเตรียมปล่อยเพลงใหม่ด้วยกันอีกครั้งในรอบ 2 ปี เพื่อฉลองครบรอบ 9 ปีของ EXO ด้วย


Saturday, April 17, 2021

ซิงเกิลใหม่มาแล้ว The Jukks ซิงเกิ้ลใหม่ “อมหัวใจ”

 


ล่าสุด The Jukks จากค่าย Smallroom กลับมาพร้อมซิงเกิ้ลใหม่ที่ถ่ายทอดความสนุกแบบ The Jukks ออกมาได้สุดๆ ตั้งแต่ เนื้อร้อง ทำนอง ไปจนถึงชื่อเพลงอย่าง “อมหัวใจ (Jet lag)” “อมหัวใจ (Jet lag)” บทเพลงชื่อหวาน ๆ แต่แฝงความกวนเอาไว้กับเรื่องราวของการแอบรักข้างเดียว เพลงนี้ถ่ายทอดผ่านดนตรีอัลเทอร์เนทีฟที่มีกลิ่นอายชวนให้นึกถึง The Jukks ในอัลบั้มชุดแรกนอกจากนี้อมหัวใจยังใส่ชั้นเชิงลูกเล่นคอร์ดกีต้าร์ที่มีเมโลดี้ติดหู เนื้อร้องที่สื่อสารด้วยภาษาแบบตรง ๆ ตามสไตล์วัยรุ่นกับการแอบรักที่ไม่ว่าทำเท่าไรเธอก็ไม่สนใจสักที ทางสุดท้ายคือ “เธอมาอมหัวใจ ฉันไปเลยได้มั้ย”

 


เรียกว่า The Jukks ใส่อารมณ์ตัดพ้อขั้นสุดในท่อนฮุคกลบเกลื่อนความน้อยใจด้วยประโยคกวน ๆ ชวนอมยิ้ม พร้อมสาดความพังค์ไม่ยั้งในมิวสิควิดีโอ ที่ไม่ว่าใครที่ได้ดูได้ฟังก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่แหละ The Jukks


ชอบดูซีรีย์เกาหลีคลิ๊กเลย ซีรี่ย์เกาหลี

Tuesday, April 13, 2021

รีวิวหนังเรื่อง West Side Story

 


โดยเรื่อง West Side Story นั้นได้นักแสดงฝีมือดีมาอย่าง อาเรียนา เดโบส ที่เธอเป็นถึงอดีตบรอดเวย์ฝีมือ และยังมีอย่างเช่น  Anita แฟนสาวของ Bernardo และเป็นเพื่อนสนิทของ Maria และ รีตา มอเรโน ผู้ที่ได้รับบทจาก Anita ภาพยนตร์ในปี 1961 West Side Story เวอร์ชั่นรีเมกของ Steven Spielbergก็ยังได้ Paul Tazewall (พอล เทซเวลล์) มือออกแบบฝีมือดีจาก Harriet (2019) มาออกแบบเครื่องแต่งกายให้ตรงกับภาพยนตร์ต้นฉบับเมื่อปี 1961



เนื่องจาก West Side Story เวอร์ชันต้นฉบับบั้นได้สร้างมาตรฐานเอาไว้สูงมาก กอปรกับที่ Steven Spielberg เพิ่งจะหันมากำกับภาพยนตร์มิวสิคัลเป็นครั้งแรก ทำให้น่าสนใจว่า West Side Story เวอร์ชันรีเมกนี้จะนำพาผู้ชมไปในทิศทางใด และจสามารถสร้างมนต์ขลังได้เช่นเดียวกับเวอร์ชันต้นฉบับเหรือไม่



Sunday, April 11, 2021

รีวิวภาพยนตร์ เรื่อง Dreamgirls

 


โดยภาพยนต์เรื่องนี้จะสร้างความฝันให้หลายๆคนที่ต้องการฝันความฝันก็เปรียบดังโรงละครโรงหนึ่งที่เราสร้างขึ้นเพื่อแสดงตัวตนที่ไม่อาจเปิดเผย และหลายคนก็เต็มใจจะขีดเขียนความฝันบนเวทีแห่งมายาเพื่อปลอบประโลมความจริงอันหดหู่แต่ถ้าความฝันนั้นกลายเป็นจริงเข้าสักวัน ใครเลยจะคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากนั้นว่ามันมีอานุภาพพอที่ จะ เปลี่ยน เราให้กลายเป็นคนใหม่ หรือทำลายทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าได้ แม้กระทั่งสายสัมพันธ์ที่ยาวนาน! เป็นโจทย์ที่ผู้กำกับฯ บิล คอนดอน เนรมิต Dreamgirls ให้ออกมาเป็นชีวิตฝันบนเวทีมายาดั่งเจตคติ เพียงแต่ว่ามันทำให้เราคาดเดาบทสรุปของหนังเรื่องนี้ได้ง่าย



และอาจจะง่ายเกินไป หากเทียบกับโปรดักชั่นของหนังที่ปูพรมแดงอย่างฟุ่มเฟือยเพื่อบ่งชี้เจตนาของคอนดอนที่หวังว่า หนังของเขาอาจมีมิติมากกว่าสารคดีของวงเดอะ สุพรีมส์ แฟนตาซีกว่า Chicago และเข้มข้นยิ่งกว่า Ray แต่หากให้ช่วยสรุปแล้ว Dreamgirls อาจพบกับคำตอบที่ไม่เป็นไปอย่างที่หลายคนคิด และคำว่า พอใช้ ก็คงไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากได้ยินหลังจากตรึงผู้ชมด้วยฉากสวยงามอลังการตลอด 130 นาที ก่อนหน้านี้บิล คอนดอน ไม่เคยจับงานกำกับฯ ที่โดดเด่นเป็นรูปธรรมเท่าไหร่นัก จนกระทั่งเข้าไปมีส่วนในทีมเขียนบทเรื่อง Chicago จากจุดนั้นอาจทำให้เขาเกิดกระหายความท้าทายในการทำงานบนโครงสร้างเรื่อง่ายๆ แต่เต็มไปด้วยองค์ประกอบจิปาถะของหนังเพลงหรือ musical แบบนี้ และยิ่งท้าทายกว่าเป็นสองเท่าเมื่อองค์ประกอบใน Dreamgirls



ใหญ่โตจนน่ากลัวจะเป็นความกดดัน Dreamgirls ฉบับขึ้นจอใหญ่ถูกเสกสรรค์ปั้นแต่งขึ้นมาจากละครบรอดเวย์ยอดฮิตในปี 1981 ซ้อนทับอีกทีด้วยแรงบันดาลใจจากวง เดอะ สุพรีมส์ โดยมีฉากหลังคือความทรนงของเมืองดีทรอยต์ ถิ่นที่ดนตรีอาร์แอนด์บีถูกฝังรากฝังรอยในรูปของค่ายโมทาวน์อันลือลั่น มันจึงไม่ยากหากใครที่เป็นคอเพลงโซล-อาร์แอนด์บีไปจนถึงบูกี้คงอดไม่ได้ที่จะคิดเลยเถิดเปรียบเทียบตัวละครหลายตัวในหนังกับราชาเพลงโซลทั้งหลายผู้มีมนต์ขลังในโลกแห่งความเป็นจริง ดังเช่นที่เขาทำให้ เอ็ดดี้ เมอร์ฟีย์ สวมหัวโขนของใครก็ได้ตามใจปรารถนา ตั้งแต่ลิตเติ้ล ริชาร์ดส, เจมส์ บราวน์ ยันมาร์วิน เกย์ มันฟังดูโอเวอร์จนไม่อาจเป็นไปได้ แต่อะไรก็ตามที่เนรมิตขึ้นเพื่อหย่อนใจคอเพลงผิวสี หนังเรื่องนี้ไม่เคยมีคำว่าพอ! 



สามสาววง เดอะ ดรีมเมตส์ ใฝ่ฝันอยากขึ้นโชว์บนเวทีค้นฟ้าคว้าดาวช่วงสุดสัปดาห์ ในยุคที่วงการดนตรีอเมริกายังไม่มีรายการ American Idol และชนชั้นแรงงานผิวดำยังถูกเหยียดผิวอย่างเปิดเผย พวกเธอเป็นดั่งพี่ดั่งน้อง ไปไหนไปกัน หากขาดใครไปก็หมายถึงไม่มีการแสดง โชคชะตาพลิกผันเมื่อพวกเธอถูกเลือกให้เป็นนักร้องประสานเสียจมส์ เออร์ลี (เอ็ดดี้ เมอร์ฟีย์) โดยคำชักชวนของเซลส์แมนขายรถคาดิลแลคอย่างเคอร์ติส เทย์เลอร์ (เจมี ฟอกซ์) ที่อาศัยลมปากตะล่อมล่อสามสาวที่อยากจะเป็นดาว แลกกับการรุกคืบช้าๆ จนสามารถฮุบวงดนตรีเจมส์ เออร์ลีสำเร็จ กระทั่งเขาได้ครอบครองทุกอย่างแม้กระทั่งเอฟฟี่ (เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน) นักร้องนำอนาคตไกลที่ใฝ่ฝันว่า เดอะ ดรีมเมตส์ ของเธอจะกลายเป็นวงดนตรีชื่อดัง แต่เคอร์ติสกลับมองต่างไปจากทุกคน เคอร์ติสมองเห็นแต่ตัวเองกำลังกล้าได้กล้าเสียในวงการดนตรีที่เขามองเห็นแต่ธุรกิจโดยที่เขาจงใจลืมว่า ความทะเยอทะยานของเขากำลังจะทำลายฝันของใครหลายคนอย่างช่วยไม่ได้

ดูซีรีย์สนุกๆได้ที่นี่ ดูซีรี่ย์เกาหลี

Friday, April 9, 2021

รีวิวภาพยนตร์เรื่อง Eurovision Song Contest: The Story Of Fire Saga ไฟ ฝัน ประชัน เพลง

 


อันดับแรกของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือแปลก ตัวละครพระเอกแอบดูติ๊งต๊อง แต่ถึงยังงัยหนังก็เป็นหนังที่สนุกครบรส ไม่ว่าจะเป็น  ตลก แฟนตาซี อบอุ่น เศร้า แถมที่สำหรับเพลงเพราะมากๆเล่าเรื่องราวคู่รักที่เติบโตมาในเมืองเล็กๆ ของไอซ์แลนด์ และมีฝันไกลไปถึงการแข่งขันร้องเพลง Eurovision Song Contes แต่คนในเมืองเห็นเขาทั้งคู่เป็นเพียงตัวตลกเท่านั้น



ภาพยนตร์แนวดนตรีตลกดราม่า พ่วงแฟนตาซีนิดๆ เรื่องราวอิงกับการประกวดร้องเพลง Eurovision Song Contest ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีตัวแทนแต่ละประเทศเข้ารวมและโหวตให้คะแนนกัน (มีกฏห้ามโหวตประเทศตัวเอง) เมื่อลาร์ส (วิล เฟอร์เรลล์) และซิกริด (เรเชล แม็คอาดัมส์) เพื่อนสนิทวัยเด็กที่เติบโตมาในเมืองเล็กๆ ของไอซ์แลนด์ และร่วมทำวงดนตรีในชื่อ “ไฟร์ซาก้า” ได้รับโอกาสครั้งสำคัญในฐานะตัวแทนประเทศเข้าร่วมการแข่งขันร้องเพลง Eurovision Song Contest ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นี่เป็นโอกาสที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าพวกเขาไม่ใช่ตัวตลกในสายตาของคนในเมืองเล็กๆ แห่งนี้



ตัวเรื่องเป็นแนวดนตรีกึ่งๆ มิวสิควิดีโอไปพร้อมกัน จึงมีฉากแฟนตาซีเพ้อฝันผสมเข้ามาอยู่ตลอดเรื่อง ซึ่งส่วนนี้แหละเป็นจุดเด่นของเรื่องนี้ที่ทำออกมาได้สนุกทุกครั้งกับการตัดฉากร้องเพลงประกอบมิวสิควิดีโอผสานไปกับการดำเนินเรื่องจริง โดยตัวเอกทั้งคู่ลาร์สกับซิกริดจะมีไอเดียบ้าๆ หลุดโลกหลายอย่าง อย่างฉากแรกของเรื่องจะก็เป็นมิวสิควิดีโอ Volcano Man ซึ่งก็หลุดโลกไปเลย แต่ในเรื่องจะเป็นแค่จินตนาการตอนอัดเสียงร้องในเมืองชนบทเล็กๆ แห่งนี้เท่านั้น



แต่ฉากหลุดโลกประกอบเพลงไม่ได้มีเพียงแค่ในจินตนาการเท่านั้น ในเรื่องยังมีช่วงการประกวดของจริง มีเครื่องอุปกรณ์ประกอบฉากและเครื่องแต่งกายเพี้ยนๆ ของพวกเขาอยู่ด้วย โดยเนื้อเรื่องวางไว้ให้เกิดเรื่องบังเอิญทำให้เขาได้เป็นตัวแทนไอซ์แลนด์ ทำให้รัฐบาลต้องหาทีมผู้ช่วยสนับสนุนไอเดียเพี้ยนๆ ของลาร์สให้ออกมาดีไม่ขายหน้าในฐานะตัวแทนประเทศ ซึ่งไอเดียเพี้ยนๆ ที่ออกมาประกอบเพลงในเรื่องอาจจะดูตลกๆ แต่ว่าจริงๆ แล้วเข้ากันกับเพลงที่ร้องได้เป็นอย่างดีเลย ทำให้เห็นว่าไอเดียเพี้ยนๆ ของพระเอกก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ใครๆ คิด รวมถึงเสียงร้องของ ซิกริด (เรเชล แม็คอาดัมส์) ในฐานะนางเอกของเรื่องก็ทรงพลังเอามากๆ ไม่แน่ใจว่าร้องสดหรือลิปซิ้ง แต่เสียงที่เปล่งออกมาทุกครั้งโดดเด่นสะกดคนดูได้ชะงัดทันที ในขณะที่ตัวพระเอกลาร์สจะเป็นแค่ลูกคู่กับรับบทคิวหลุดตลกๆ (ในเรื่องลาร์สจะถูกวางไว้ว่าเป็นตัวซวยคอยถ่วงนางเอก) มากกว่ามีบทนำในเรื่องเพลงจริงๆ แต่ทั้งคู่ก็เป็นส่วนผสมที่ประหลาดและลงตัวไปกับเรื่องราวเพี้ยนๆ แต่จริงจังกับความฝันไปพร้อมกัน

 



Wednesday, April 7, 2021

WENDY วง Red Velvet ออกฉายเดียวในมินิอัลบั้มแรก "Like Water"

 


ถือว่าได้เป็นศิลปินเดี่ยวเป็นที่เรียบร้อยสำหรับสาว WENDY ที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของวง Red Velvet ที่เข้าตัวได้ออกฉายเดี่ยวกับ มินิอัลบั้ม Like Water พอแฟนคลับได้ฟังการร้องเดียวของเธอครั้งแรกก็ถึงกับตะลึงในพลังเสียงของเธอด้วยโทนเสียงที่มีเสน่ห์ และทักษะการร้องอันยอดเยี่ยมผ่านผลงานเดี่ยวต่างๆ จึงมั่นใจได้ว่า อัลบั้มต้องปังๆแน่นอนและความสามารถของเธอยังมีหลากหลาย ทั้งพิธีกร, พากย์เสียงแอนิเมชัน



สำหรับโซโล่มินิอัลบั้มชุดแรก Like Water นั้น ประกอบไปด้วยเพลงทั้งหมด 5 เพลง ที่มีเนื้อความอันตรงไปตรงมาและความรู้สึกแสนอบอุ่น ซึ่งก็มีนักดนตรีชื่อดังมากมายมาร่วมทำให้อัลบั้มชุดนี้สมบูรณ์มากขึ้น ทั้งนักทำเพลงฮิต YOO YOUNG JIN และ KENZIE, นักแต่งเพลงมากฝีมือ minGtion, ทีมโปรดิวซ์ Coach&Sendo ฯลฯ



โดยเพลงเปิดตัว 2 เพลงของอัลบั้มนี้ ได้แก่ เพลง "Like Water" แนวอะคูสติก ป๊อป บัลลาดที่โชว์เสียงร้องอันสดชื่นของ WENDY ด้านเนื้อร้องจะเปรียบเทียบ การมีอยู่และความหมายของกันและกัน กับ "น้ำ" ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิต โดยอธิบายถึงการที่ผู้คนไหลวนมาเจอกันตามโชคชะตา ซึ่งก็เหมือนกับหยดฝนเม็ดเล็กๆ ที่มารวมตัวกันเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ส่วนอีกหนึ่งเพลงเปิดตัวอย่าง "When This Rain Stops" เป็นเพลงบัลลาดจังหวะช้าๆ ที่มีเปียโนบรรเลง และเสียงร้องอันทรงพลัง ด้านเนื้อร้องเพลงนี้ จะพรรณนาถึงชีวิตของ WENDY ในเชิงเปรียบเทียบให้เห็นภาพ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความเข้าอกเข้าใจและการปลอบโยนว่า "มันไม่เป็นไรหรอก หากเราจะพักสักหน่อย ในตอนที่เราเหนื่อยล้า"

 


ที่สำคัญ หนึ่งในเพลงประกอบอัลบั้มอย่าง "Best Friend" ก็มี SEULGI (ซึลกิ) ที่เป็นหนึ่งสมาชิกในวง Red Velvet และเพื่อนรุ่นเดียวกัน มาร่วมร้องดูเอ็ทนำเสนอการประสานเสียงสุดอบอุ่นและน่ารัก โดยจะเป็นเพลงแนวบัลลาด จังหวะช้าๆ พร้อมด้วยเนื้อหาพูดถึง การสัญญาถึงมิตรภาพที่ไม่เปลี่ยนแปลงไป และความรู้สึกขอบคุณที่ส่งถึงเหล่าคนสำคัญ ที่เพียงแค่การมีอยู่ของพวกเขาเหล่านั้นก็เป็นกำลังใจให้กันนอกจากนี้ ยังมีเพลง "Why Can’t You Love Me?" แนวอาร์แอนด์บี ป๊อปจังหวะกลางๆ ที่มีความตื่นเต้นจากการรักข้างเดียว และเพลง "The Road" แนวโมเดิร์น ร็อค บัลลาด พูดถึงช่วงเวลาที่เดินอยู่บนถนนที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรก และนึกถึงความทรงจำในอดีตที่เคยลืมไป

ติดตามข่าวสารที่นี่ รีวิวหนังรักเพลงดนตรี

Sunday, April 4, 2021

รีวิวภาพยนต์เรื่อง Trolls - อนิเมชั่นเพลงเพราะ

 


Trolls คือเป็นอนิเมชั่นที่ยอมรับเลยว่าชอบมาก สีสันในอนิเมชั่นรวมถึงการร้องเพลงที่เพราะมาก และการดำเนินเรื่องได้ดีโดยเรื่องราวเริ่มที่ เผ่า Troll ที่ต้องหนีไปให้ไกลจากพวก Bergen ที่พวกมันมความเชื่อที่ว่า ถ้ากิน Troll จะทำให้พวกเขามีความสูข เพราะเผ่า Troll คือเผ่าที่มีความสูขตลอดเวลา ร้องเพลงเต้นรำจนทำให้พวก Bergenคิดว่าถ้าได้กินก็จะมีความสูขเหมือน Troll จนวันหนึ่ง ในเทศกาลกิน Troll จับ Troll มาเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารพวก Troll หนีออกมา Chef แม่ครัวและเรื่องวุ่นๆจึงเกิดขึ้น



ผ่านไปยี่สิบปี Poppy ลูกสาวของราชา Troll ก็ชอบจัดงานมีความสุขตลอดเวลาจนในที่สุดก็คิดจะจัดงานที่ยิ่งใหญ่และเสียงดังที่สุด และนั่นทำให้ Chef พบที่ตั้งของพวก Troll จึงเข้ามาจับเพื่อนๆของ Poppy ไป Poppy จึงต้องการจะไปช่วยและได้บังคับ Branch ซึ่งเป็น Troll อารมณ์บูดและกลัว Bergen ไปด้วยถ้าให้พูดในแง่รวมๆแล้ว Trolls เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ไม่ต่างจากเรื่องอื่นๆ เริ่มจากตัวเอกที่ไม่เข้าขากันไปสู่การผจญภัยไปยังดินแดนที่ไม่รู้จักพร้อมกับบทเรียนสอนใจประจำเรื่อง เพียงแต่ถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆในตลาดแล้ว Trolls ยังด้อยกว่าพอสมควร

.


สิ่งที่แรกที่ต้องชมคืองานภาพ งานศิลป์ของ Trolls ดูเพี้ยนและบ้าบอดี อย่างพวก Trolls ก็โอเค น่ารัก ไม่น่าเกลียดเหมือนของเล่นสมัยก่อน ขณะที่พวก Bergen ก็ดูน่าเกลียดดี ขณะที่โลกทัศน์และสิ่งต่างๆทั้งดูน่ารักและเพี้ยนไปพร้อมๆกับ ขณะที่กราฟฟิคในเรื่องละเอียดและสวยดี



ทว่าการดำเนินเรื่องกลับไมค่อยดีเท่าไหร่ ผมรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันยืดพอสมควร ทั้งๆจริงๆประเด็นมันมีอยู่จึ๋งเดียว แต่เหมือนพยายามยืดเรื่องออกให้ยาวๆ นอกจากนั้นเนื้อหายังจืดพอสมควร คู่ Poppy และ Branch ไม่ได้เกิดความรู้สึกสนุกหรือมีความรู้สึกว่าจำเป็นต้องพึ่งพาอีกฝ่ายเลย (ประมาณว่าไปคนเดียวผมว่าก็ได้เนื้อหาเท่าเดิม)ประเด็นหลักของเรื่องนี้คือเรื่องของความสุข เป็นประเด็นที่น่าสนใจดีโดยเฉพาะที่ทั้งสองฝ่าย Troll และ Bergen ต่างมีประเด็นนี้ทั้งคู่ Branch เองก็บูดบึ้งตลอดเวลา (ซึ่งมันจะเฉลยตอนหลังว่าเพราะอะไร)

 


ส่วน Gristle ที่ได้เป็นราชาก็เชื่อว่าต้องได้กิน Troll เท่านั้นถึงจะมีความสุข ซึ่งผมว่าโอเคดีนะที่ได้เห็นบทเรียนจากทั้งสองฝ่ายหนึ่งในจุดเด่นอีกอย่างของเรื่องนี้เพลงประกอบที่ใช้กันเยอะแยะมาก ซึ่งผมไม่ว่าอะไร อีกทั้งผมดูตัวอย่างหนังก็พยายามบอกว่าเรื่องนี้เป็นการ์ตูนเพลง เพียงแต่ในเรื่องนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันใช้เพลงเพื่อยืดเรื่องและเพื่อเซ็ตติ้งตัวละครแบบลวกๆมากกว่า ตัวอย่างชัดเจนมากคือ Bridget คือโผล่มาแป๊บนึงบอกใบ้คนดู แล้วโผล่มาอีกทีร้องหนึ่งเพลงก็เรียบร้อย ซึ่งผมว่ามันขี้เกียจไปหน่อย แทนที่หยอดเนื้อหามาเรื่อยๆ หรือใช้เพลงเพื่อเล่าเรื่องจริงๆ นอกจากนั้นแล้วผมไม่ค่อยชอบการที่ใช้เพลงที่มีอยู่แล้วเท่าไหร่ ถ้าแต่งเพลงเองผมว่าจะดีมากๆ (คืออย่าง Sing ผมยังเข้าใจว่ามันเป็นประกวดร้องเพลงนะ เลยต้องใช้เพลงที่มันร้องไว้แล้ว)ปัญหาอีกอย่างนึงคือตัวละคร พวกตัวเด่นไม่มีปัญหาอะไร แต่กับพวกตัวรอง โดยเฉพาะพวก Troll ที่โดนจับตัวไป พวกนี้แทบไม่มีบทหรือความน่าสนใจอะไรเลย เพราะมันไม่ได้แนะนำตัวให้ดีๆ ส่วนใหญ่จะใช้ลักษณะเด่นของตัวละครอย่างผมติดกันหรือมีกากเพชรติดตัวให้จดจำมากกว่า ซึ่งเหตุผลก็แน่นอน ขายของ

ติดตามดูหนังใหม่ได้ที่นี่ หนังเพลงมิวสิคัล

Thursday, April 1, 2021

รีวิวหนัง เรื่อง jingle jangle - a christmas journey – ความเชื่อที่เปลี่ยนคุณได้

 


สำหรับภาพยนตร์มิวสิคัล เรื่อง jingle jangle - a christmas journe ที่ทำออกมาได้น่าสนใจและดีมากและทำออกมาในแนวแฟนตาซีที่มีกลิ่นไอ ดิสนีย์ ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นเกิดจากความเชื่อใจของ เจอโรนิคัส แจงเกิ้ล โดยเขาเป็นช่างประดิษฐ์ของเล่นที่ทุกคนต่างชื่นชม และเขาถือว่าเป็นร้านของเล่นที่เก่าแก่และมีลูกศิษย์ที่เขาไว้ใจนั้นก็คือ กัสตาฟสัน เขาเป็นคนทำลายความเชื่อใจ ความหวัง และความรักในสิ่งที่เขาทำโดยขโมยผลงานประดิษฐ์ชิ้นเอกของ เจอโรนิคัส แจงเกิ้ล



ไปและตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่ประดิษฐ์ของเล่นหรือสิ่งประดิษฐ์ชิ้นใดออกมาเลย และก่อนวันคสิตมาสต์ที่จะมาถึงนี้ เจสสิก้า ลูกของ เจอโรนิคัส ลูกของเธอหรือหลานสาวมาอยู่กับ เจอโรนิคัส และนั้นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่จะทำให้ เจอโรนิคัส กลับมาเป็นคนเดิมเมื่อเราให้ความรักและความไว้ใจใครสักคนมาก ๆ ขอให้เผื่อใจไว้ เพราะเขาอาจเป็นตัวการทำลายความสุขของเราไปชั่วพริบตา ซึ่งแน่นอนว่าเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขากลายเป็นคนแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว เจอโรนิคัส เป็นนักประดิษฐ์ของเล่นที่โด่งดังคับเมือง ข้างกายเขานอกจากจะมีภรรยาและลูกสาวที่น่ารักเป็นกำลังใจเขายังมี กัสตาฟสัน ศิษย์เอกฝีมือดีที่ศรัทธาในตัวเขา เฝ้าคอยคำแนะนำจากเขา แต่!! เมื่อกัสตาฟสันปล่อยให้ความโลภ ความน้อยเนื้อต่ำใจเข้ามามีอำนาจ จนหลงเชื่อคำยุยงของเจ้าสิ่งประดิษฐ์และขโมยทุกอย่างไปจากเจอโรนิคัส จนไปสร้างอาณาจักรของตัวเองจากสิ่งที่ขโมยมา



เจ้าหุ่นตัวเล็กร่างสะโอดสะองตัวนี้มันพูดได้ค่ะ เจอโรนิคัสประดิษฐ์มันขึ้นมาพร้อมกับใส่ความคิดคล้ายมนุษย์ให้มันด้วย มันยุยงให้กัสตาฟสันทรยศอาจารย์ตัวเอง “เราไม่ได้ขโมยแต่เราแค่ยืมแล้วไม่คืนแค่นั้นเอง” เจ้าหุ่นตัวนี้มันบอกแบบนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้กำลังบอกเราว่า เมื่อเราเข้าข้างความอยากของตัวเองจนหลงลืมแม้กระทั่งความผิดชอบชั่วดี เราจะตกเป็นเหยื่อของความชั่วร้ายอย่างเต็มใจภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะกับการดูด้วยกันทั้งครอบครัวเอามาก ๆ นอกจากความบันเทิงที่จะได้จากภาพยนตร์แน่ ๆ แล้ว เพราะมันเป็นมิวสิคัลแฟนตาซี ดูง่ายดูเพลินแล้วยังแฝงข้อคิดที่ผู้ปกครองสามารถสอนเด็ก ๆ ให้เข้าใจได้ง่ายดายเลยทีเดียว มากกว่านั้นยังเตือนตัวเองได้อีกด้วย บริบทของภาพยนตร์สื่อออกมาอย่างชัดเจนไว้เลยว่า มันคือเรื่องของการถูกล่อลวงความคิดที่ความคิดฝ่ายต่ำก็มักจะมาในรูปแบบของความชอบธรรม เรื่องของความเชื่อความมั่นใจในตัวเอง ที่ต้องอาศัยความรักความศรัทธาเป็นเครื่องเยียวยา



ความเป็นมิวสิคัล แน่นอนที่เพลงเป็นส่วนประกอบสำคัญสุด ๆ เรื่องนี้ร้องเต้นได้เพลินหูเพลินตากันเลยทีเดียว เป็นมิวสิคัลสีสันสดใส แต่ความคุ้มมันอยู่ที่เสียงเพลงจากนักร้อง นักแสดงในเรื่องและนักร้องไทยของเรานี่แหละ แถมยังแปลเนื้อร้องเป็นไทยซะด้วย เรื่องนี้ดิฉันดูสองรอบค่ะ ความยาว 2 ชั่วโมง 2 นาที ก็คูณสองเข้าไปเพราะตั้งใจจะฟังเพลงล้วน ๆ Magic Man G ที่ร้องโดย Keegan-Michael Key ฉบับภาษาไทยได้ คิง-พิเชษฐ์ บัวขำ จาก เดอะวอยซ์ไทยแลนด์ ซีซั่นที่ 1 มาร้องเพลงนี้ แล้วก็ว้าวมาก ๆ กับเสียงของ นก-พริมาภา กรโรจนชวิน ที่มาร้องเพลง Miles and Miles ในบทของคุณนายจอห์นสตัน



หน้าหนังอาจดูเหมือนเป็นเรื่องของหนูน้อยอัจฉริยะที่จะมาผจญภัยกับคุณตา มีนิดหน่อยค่ะพอกล้อมแกล้ม น่ารักน่าหยิกและเห็นถึงความรักความอบอุ่นของตากับหลาน แต่เพียงแค่นั้นก็ถือเป็นใจความหลักของเรื่องได้เลย คือการปลุกความมั่นใจ การให้เนื้อหาไปที่เรื่องความของเชื่อ ความไว้ใจกับความจริงที่ว่า สิ่งที่เราเห็นว่าดีสมบูรณ์แบบอาจมีจุดบกพร่องซ่อนอยู่เสมอ เหมือนเจ้าหุ่นเจ้าเล่ห์ตัวนั้น…คริสมาสต์นี้มีสิ่งอัศจรรย์รออยู่ แน่ ๆ เลย

 

13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix

 13 The Musical (2022) รีวิวภาพยนต์เพลงและดนตรีจาก Netflix เรื่องราวของ อีแวนด์ โกลด์แมน เด็กหนุ่มที่ย้ายมาจากโรงเรียนในนิวยอร์คตามครอบครัว ...